ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์

เกี่ยวกับเรา

กิจกรรมและข่าวประชาสัมพันธ์

สาระน่ารู้

ถามตอบ

ร่วมงานกับเรา

ติดต่อเรา

หน้าแรก / สาระน่ารู้ / เกร็ดความรู้

เกร็ดความรู้

หน้าแรก / เกร็ดความรู้

Architect England

งานสถาปัตยกรรมเป็นเหมือนงานศิลปะขนาดใหญ่ที่ทำไม่เสร็จในหนึ่งคน ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ฝ่ายในการผลักดันให้งานสำเร็จ ทำให้สถาปนิกนอกจากจะต้องมีความสามารถในการออกแบบแล้ว ยังต้องมีความสามารถในการเชื่อมต่อผู้คนจากแขนงต่างๆเข้ามาประกอบด้วยกัน ด้วยการที่ได้ทำงานผสมผสานหลายหลายทำให้สถาปนิกเองก็ผันตัวไปทำงานอื่นๆก็มาก หรือคนอื่นๆผันตัวมาทำงานสถาปัตยกรรมก็มาก หนึ่งในคนที่ผันตัวอย่างสำเร็จด้วยดีคนหนึ่งที่อยากจะนำเสนอในฉบับนี้คือวิศวกรที่มีวิสัยทัศน์ในการออกแบบไม่น้อยกว่าสถาปนิก เป็นหนึ่งในวิศวกรที่เรียกได้ว่า design engineer จริงๆคือวิศวกรที่ร่วมช่วยผลักดันงานออกแบบไม่ธรรมดาให้ออกมาสำเร็จได้

Cecil Balmondเป็นเรียนจบการศึกษาด้านวิศวกรรมมาจากประเทศศรีลังกา แต่ผันตัวมาทำงานสถาปัตยกรรมและศิลปะออกแบบจนสามารถห้อยท้ายชื่อได้ว่าเป็นศิลปินและดีไซน์เนอร์ด้วย Balmondมีความสนใจในทฤษฏีทางสถาปัตยกรรมศาสตร์และวิศวกรรมที่มีการเชื่อมต่อระหว่างคณิตศาสตร์และการออกแบบ เขาสร้างผลงานต่างๆโดยมีหลักการว่า "structure as conceptual rigour is architecture" ซึ่งแปลเป็นไทยอย่างง่ายๆได้ว่าสถาปัตยกรรมที่ดีควรแสดงถึงความเข้มข้นลึกซึ้งของคอนเซปเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ๆ ระบบวิธีการทำงานของ Balmondหลักๆคือการผสมผสานการคิดแบบวิศวกรที่มีเหตุผลเข้ากับการออกแบบอย่างมีหลักความงานของนักออกแบบทั่วไป เขานำหลักการคำนวณความสัมพันธ์ในสมการคณิตศาสตร์มาเป็นตัวกำหนดการสร้างคอนเซปและรูปร่างของงานออกแบบโดยเลียนแบบการเติบโตของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ

Balmond เริ่มความสนใจในการออกแบบของเขาโดยทำงานกับบริษัทวิศวกรรมระดับโลก Ove Arup & Partners เป็นหัวหน้ากลุ่ม Advance Geometry Unit(AGU) ซึ่งรวบรวมเอานักออกแบบสาขาต่างๆ วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ ศิลปินและโปรแกรมเมอร์ มาทำงานร่วมกันเพื่อศึกษาระบบต่างๆในแขนงอื่นๆหรือในระบบธรรมชาติเพื่อนำมาใช้เป็นฐานในการออกแบบโครงสร้างใหม่ๆ Arup เองเป็นบริษัทวิศวกรรมอังกฤษที่โด่งดังเรื่องความท้าทายอยู่แล้ว ทำให้ Balmond เองได้สร้างชื่อเสียงและทำงานร่วมกันสถาปนิกระดับโลกในการออกแบบโครงสร้างระดับโลกเช่นตึก CCTV ในปักกิ่งของ Rem Koolhaas ที่มีลักษณะเป็นตึกสองขาและมีส่วนลอยเชื่อมเหมือนตัว U หัก หรือ Centre Pompidou-Metz ที่ออกแบบโดย Shigeru Ban

ภายหลัง Balmond ได้ออกมาตั้งสตูดิโอออกแบบของตัวเองในปี 2010 ในลอนดอนโดยรับงานทั้งเล็กใหญ่ต่างๆมากมายทั่วโลก ตัวอย่างงานช่วงหลังที่เป็นที่รู้จัก เช่น The Orbit ที่ทำงานร่วมกับศิลปิน Anish Kapoor เป็นหอชมวิวขนาดใหญ่และ Landmarkสีแดงใน Olympic Park ที่ลอนดอน ที่เป็นโครงสร้างเหล็กสีแดงพันกันไปมา งานล่าสุดที่มีการแสดงเป็นส่วนหนึ่งของงาน London design festival มีชื่อว่าH_Edge เป็นผลงาน Installation art ที่เคยถูกนำไปแสดงมาหลายที่รอบโลกทั้งใน New York และ Tokyo แต่เพิ่งมีโอกาสได้เดินทางกลับบ้านมาตั้งแสดงอยู่ที่Bishop’s Square ในSpitalfields ทางตะวันออกของลอนดอน ผลงานนี้ประกอบด้วยชิ้นอลูมิเนียมรูปตัว H หลายพันชิ้นประกอบด้วยกัน โดยถูกแขวนอยู่เหนือน้ำ ด้วยตัววัสดุของชิ้นส่วนเองที่มีความแวววาวทำให้H_Edge มีการสะท้อนเงาสภาพแวดล้อมโดยรอบและด้วยวิธีการออกแบบการประกอบทำให้โครงสร้างมีลักษณะบางเบา เหมือนไม่มีขอบเขตชัดเจน โดยที่ผู้เข้าชมสามารถเดินวนไปมารอบๆงานได้อย่างอิสระ และมีการตกแต่งไฟให้สว่างสะท้อนผิววัสดุในเวลากลางคืน ผลงานเป็นไปตามคอนเซปผู้ออกแบบที่ต้องการออกแบบให้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ต่างจากสภาพแวดล้อมทั่วไป คือเหมือนไม่มีอยู่จริง และเป็นที่สำหรับการคิดทบทวนอย่างสงบ

การออกแบบยังมีอะไรอีกมากมายให้ดีไซน์เนอร์ได้ค้นหาหากได้ลองมองจากมุมมองใหม่ๆที่ต่างจากตัวเอง บางครั้งการทำอะไรซ้ำๆนานๆทำให้มุมมองเรานั้นใกล้เกินไปจนกลายเป็นโลกแคบ Cecil Balmond เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการทำงานแบบ Collaborative คือทำงานอย่างเปิดใจร่วมมือกันกับผู้คนที่เชี่ยวชาญในศาสตร์อื่นๆ สามารถผลักดันการออกแบบให้ขยายขอบเขตการออกแบบทั้งงานสถาปัตยกรรมและงานโครงสร้างไปสู่พื้นที่และไอเดียใหม่ๆได้ไม่จำกัด

ที่มา : นิตยสารโฮม แอนด์ รีสอร์ต