ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวประชาสัมพันธ์
Line
13 ธ.ค.2559

พีดีเฮ้าส์ ภัยน้ำท่วม บ้านสร้างเองสะดุด ธค 59

Line
น้ำท่วมภาคใต้ ตลาดบ้านสร้างเองสะดุด
พีดีเฮ้าส์ รับสภาพยอดขายบ้าน Q4 วืดเป้า


 


   


          พีดีเฮ้าส์ มองสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ กระทบเศรษฐกิจและตลาดรับสร้างบ้าน รับสภาพยอดขายบ้านปีนี้คาดต่ำกว่าเป้า 1.2 พันล้านบาท เผยกลยุทธ์ปรับตัวหันควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย พร้อมรีดีไซน์-โปร์ดักส์แบบบ้านและระบบก่อสร้าง ช่วยลดต้นทุนและราคาบ้านลง 7% ตั้งเป้าชิงแชร์ตลาดบ้านกลุ่มใหญ่ราคา 1.5-3 ล้านบาท ชี้เศรษฐกิจปี 59 ไม่เป็นใจขยายสาขา คาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าแค่ทรงตัว  


          นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักติดต่อกันในหลายๆ พื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ส่งผลให้บ้านเรือนถูกน้ำท่วมขังและประชาชนต่างได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ถนนหนทางทั้งในเมืองและชนบทก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน เส้นทางสัญจรหลายแห่งถูกตัดขาด ทำให้การขนส่งและเดินทางยากลำบาก กลายเป็นอุปสรรคต่อการค้าและบริการ ซึ่งคาดว่าจะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของภาคใต้ในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้พอสมควร  

          ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านภาคใต้และยอดขายบ้านของบริษัทฯ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ามีการฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ยังชะลอตัวหรือแค่ทรงตัว เหตุผลสำคัญเป็นเพราะผู้บริโภคในภาคใต้ ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ บริการ และความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการมากกว่าเรื่องราคา ธุรกิจรับสร้างบ้านจึงมีการแข่งขันไม่รุนแรงนัก อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายปีนี้ต้องยอมรับว่ากำลังซื้อผู้บริโภคบางส่วนสะดุดลง ด้วยเพราะอารมณ์จับจ่ายใช้สอยและการลงทุนเรื่องบ้านหรือที่อยู่อาศัยชะลอตัว กอปรกับสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้น จึงคาดว่าจะทำให้ยอดขายบ้านของบริษัทฯ ในภาคใต้ลดลงพอสมควร และอาจฉุดให้ตัวเลขยอดขายบ้านทั่วประเทศของบริษัทฯ มีโอกาสต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1.2 พันล้านบาท

          “สำหรับ กลยุทธ์และการปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ ได้หันมาเน้นควบคุมต้นทุนค่าบริหารและใช้จ่ายต่างๆ ลง อาทิเช่น ชะลอเปิดสาขาใหม่และลดจำนวนสาขาที่อยู่ใกล้กันหรือสาขาที่มียอดขายน้อย การใช้แอพพลิเคชั่นนำเสนอแบบบ้านแทนโบชัวร์หรือสิ่งพิมพ์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการปรับแบบบ้านและลดวัสดุฟุ่มเฟือยที่ใช้สร้างบ้าน (Re-Product) แต่ยังคงทันสมัยไว้เหมือนเดิม เพื่อลดต้นทุนก่อสร้างบ้านให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ และความต้องการของผู้บริโภคในสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งหันมาใช้ระบบบ้านโครงสร้างเหล็ก เพื่อสามารถก่อสร้างได้รวดเร็ว ทั้งนี้จากการปรับตัวและดำเนินการดังกล่าว ทำให้ราคาค่าก่อสร้างบ้านลดลงจากเดิมเฉลี่ย 3-7% หรือราคาบ้านเริ่มต้นที่ 15,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของบริษัทฯ ที่จะเข้าถึงกำลังซื้อกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มราคาบ้าน 1.5-3 ล้านบาท ที่ผู้บริโภคมีความต้องการมากที่สุด และกลุ่มราคาบ้าน 3 ล้านบาทขึ้นไป-5 ล้านบาท ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภครองลงมา คิดเป็นสัดส่วนรวมกันมากกว่า 60% ของมูลค่ารวมตลาดบ้านสร้างเอง”       

          นายพิศาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้บริษัทฯ มีแผนขยายสาขา 1-2 แห่ง แต่ด้วยเพราะเศรษฐกิจในภูมิภาคหรือต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัวดังที่คาดไว้ ดังนั้นจึงได้ชะลอการขยายสาขาใหม่ออกไปก่อน เพราะไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงเกินไป สำหรับแผนการขยายสาขาในปีหน้า คงต้องรอดูแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศและเศรษฐกิจโลกอีกครั้งว่าจะเป็นไปในทิศทางใด โดยส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจปี 2560 น่าจะไม่ขยายตัวหรือแค่ทรงตัว