เดือนพฤศจิกายนนี้ เชื่อว่าประชาชนชาวไทยทุกคนยังอยู่ในภวังค์ของความเศร้าเสียใจ จากการเสด็จสวรรคตขององค์รัชกาลที่ ๙ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา พิจารณาได้จากการที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ ทั้งพ่อเฒ่าแม่แก่ ทั้งคนหนุ่มสาว ไม่เว้นแม้แต่ชาวไทยภูเขาและชนเผ่าต่างๆ ที่พึ่งใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ บนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ ต่างเดินทางมากราบพระบรมศพของพระองค์อย่างต่อเนื่องและไม่ขาดสายตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา และเชื่อว่ายังมีประชาชนหลั่งไหลเดินทางมากราบพระบรมศพต่อเนื่องอีกนานหลายเดือน เพราะนี้คือครั้งสุดท้ายที่คนไทยจะได้แสดงความรักและอาลัยที่มีต่อพระองค์ ผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งล่ะที่จะไปร่วมด้วยเร็วๆ นี้

     ช่วงท้ายปีนี้ พื้นที่ภาคใต้ส่วนใหญ่ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน มีฝนตกหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายๆ จังหวัด บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ถนนหนทางและเส้นทางสัญจรหลายๆ แห่งถูกตัดขาด ฯลฯ ถือเป็นความโชคร้ายส่งท้ายปีนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เริ่มเห็นการขยับฟื้นตัวของกำลังซื้อและเศรษฐกิจดีขึ้นมาบ้างแล้ว กลายเป็นว่าต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะ ก็ได้แต่หวังว่าความเสียหายจะไม่มาก และภาครัฐน่าจะเร่งเข้าไปฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประสบความเดือดร้อนโดยด่วน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและดึงการบริโภคของประชาชนกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เชื่อว่าคงไม่ยากนักหากว่ารัฐบาลจะจริงจังจริงใจช่วยพี่น้องชาวใต้ของเรา

     เมื่อมีปัจจัยลบมากระทบภาคธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจรับสร้างบ้าน ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องสำรวจสอดส่องกันสักหน่อย เท่าที่ผู้เขียนมีโอกาสพูดคุยกับผู้ประกอบการหลายๆ ท่าน ต่างกล่าวเป็นทำนองเดียวกันว่าเศรษฐกิจและกำลังซื้อปี 2559 นี้ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ซึ่งพอจะมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นมาบ้างในช่วงท้ายไตรมาสสาม พอมาเจอปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ทำให้ชะงักไปเหมือนกัน แต่เสียงส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าจะกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติในไม่ช้า ในส่วนของการดำเนินธุรกิจปีนี้ หากเร่งไม่ขึ้นก็คงยอมรับเท่าที่ทำได้ เอาไว้ไปเริ่มกันใหม่ปี 2560 ..นั่นก็เป็นทัศนะและความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้

     สำหรับ ผู้เขียนเองมองภาพรวมตลาดอสังหาฯ กลุ่มดีเวลลอปเปอร์ปี 2559 นี้ ไม่แจ่มแจ๋วดังที่ผู้ประกอบการหลายๆ รายคาดหวังกัน เพราะเมื่อดูจากตัวเลขสะสมบ้านสร้างเสร็จรอการขาย ตัวเลขเปิดตัวโครงการใหม่และยอดขาย ตัวเลขธนาคารปฏิเสธสินเชื่อบ้าน มันฟ้องว่ากำลังซื้อผู้บริโภคถึงขั้นถดถอย เมื่อย้อนกลับมามอง “ตลาดบ้านสร้างเอง” ก็หดตัวเช่นกัน จะต่างกันก็ตรงที่ว่าตลาดบ้านสร้างเอง ผู้บริโภคที่ใช้บริการสร้างบ้านกับผู้ประกอบการ ส่วนใหญ่ใช้เงินออมหรือมีสัดส่วนกู้ยืมเงินธนาคารน้อย ในขณะที่ตลาดบ้านจัดสรรและคอนโดฯ ส่วนใหญ่กู้ยืมธนาคาร ดังนั้นตลาดบ้านสร้างเองจึงไม่ทรุดหนัก เหมือนเช่นเมื่อปี 2540 ที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่แม้ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ SMEs แต่ก็สามารถฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจมาได้ นั่นเป็นเพราะจับกลุ่มผู้บริโภคที่มีเงินออม

     ผู้เขียน เขียนถึงเรื่องนี้ก็เพราะต้องการจะสื่อสารว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจจะหดตัว ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าธุรกิจรับสร้างบ้านจะปิดฉาก หากผู้ประกอบการโฟกัสธุรกิจจริงจังและดีพอ หากรักษาคุณภาพและการบริการไว้ได้ดีพอ หากรักษาภาพลักษณ์และชื่อเสียงไว้ได้ดีพอ และรักษาความซื่อสัตย์ทั้งต่อลูกค้าและคู่ค้าไว้ได้ดีพอ เหล่านี้คือปัจจัยที่อาศัยผู้อื่นไม่ได้ แต่ต้องอาศัยการสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง ฉะนั้น ผู้ประกอบการจำพวกที่ไม่เห็นความสำคัญและไม่กระทำในสิ่งที่กล่าวมา ในยามที่เศรษฐกิจและกำลังซื้อหดตัว ผู้บริโภคก็จะไม่เลือก คู่ค้าก็จะปฏิเสธ สุดท้ายก็จะปิดฉาก

ช่วงนี้เห็นรายใดปิดฉาก ก็ลองสังเกตกันดูนะครับ        

สิทธิพร สุวรรณสุต