ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
11 ม.ค.2557

“ตราช้าง” เปิดตัว “เหล็กตราช้าง” เสริมทัพผลิตภัณฑ์งานโครงสร้าง

Line

“ตราช้าง” เปิดตัว “เหล็กตราช้าง” เสริมทัพผลิตภัณฑ์งานโครงสร้าง

  “ตราช้าง” รุกเปิดตัว “เหล็กตราช้าง” ต่อยอดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโครงสร้าง ควบคู่กับปูนตราช้าง การันตีด้วยมาตรฐานแบรนด์ตราช้าง เจาะกลุ่มช่าง ผู้รับเหมา และกลุ่มเจ้าของบ้านที่กำลังตัดสินใจสร้างบ้าน หวังกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงความสำคัญในการเลือกซื้อสินค้ากลุ่มโครงสร้างด้วยตนเองมากขึ้น เผยปี 56 การตอบรับดี ยอดขายตามเป้า120,000 ตัน เผยปี 2557 ทุ่มงบการตลาดกว่า 15 ล้านบาท รุกเดินหน้าเปิดตัวเต็มรูปแบบ เน้นสร้างการรับรู้ “โครงสร้างมั่นคง เจาะจงเหล็กตราช้าง” มั่นใจยอดขายอุตสาหกรรมเหล็กเส้นก่อสร้างจะเติบโตขึ้นอีก 8%
              นายธงชัย โสภณ กรรมการผู้จัดการ มาร์เกตติ้ง สตรักเจอรัล บิซิเนส ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า การเปิดตัวผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นก่อสร้างภายใต้แบรนด์ “เหล็กตราช้าง” ในครั้งนี้สะท้อนความตั้งใจในการตอบสนองความต้องการใช้งานวัสดุงานโครงสร้างที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐานให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างครบครัน เพื่อเพิ่มทางเลือก และเพิ่มความมั่นใจการใช้เหล็กคุณภาพที่ได้มาตรฐานตาม มอก. ทั้งยังการันตีด้วยมาตรฐานแบรนด์ “ตราช้าง” ผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างในเครือเอสซีจี
              “เราตั้งใจนำเหล็กตราช้างเข้ามาอยู่ในผลิตภัณฑ์กลุ่มโครงสร้าง เพราะเหล็กเส้นก่อสร้างเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้ในทุกงานโครงสร้าง การใช้เหล็กที่มีคุณภาพร่วมกับการออกแบบที่ดีจะสามารถป้องกัน และแก้ไขปัญหาเรื่องโครงสร้างที่ไม่ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งมีโอกาสเกิดปัญหาต่อไปในอนาคตได้ เราจึงต้องการสร้างความมั่นใจในคุณภาพที่มีมาตรฐานในสินค้าวัสดุงานโครงสร้างจากตราช้างให้แก่กลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้รับเหมารายย่อย ช่าง และกลุ่มเจ้าของบ้านที่กำลังตัดสินใจสร้างบ้าน โดยการเน้นย้ำจุดยืนทางการตลาด “โครงสร้างมั่นคง เจาะจงเหล็กตราช้าง” ด้วยคุณภาพ และน้ำหนักที่เหนือกว่าคู่แข่ง ในราคาที่ใกล้เคียงกัน”
              นายธงชัย กล่าวว่า ในปี 2557 บริษัทฯ ได้วางแผนทำการตลาดเหล็กตราช้างด้วยกลยุทธ์สินค้าคุณภาพ โดยทุ่มงบการตลาดกว่า 15ล้านบาท  ในการสร้างการรับรู้ และสร้างความมั่นใจในการเลือกใช้สินค้าเหล็กตราช้าง พร้อมรุกขยายพื้นที่จัดจำหน่ายในร้านค้าผู้แทนจำหน่าย และร้านค้าวัสดุก่อสร้างให้ครบ 300 แห่งทั่วประเทศในปี 2557 ด้วยกิจกรรมการตลาดเจาะกลุ่มร้านค้า เช่น งานมอบรางวัล Top Rank ให้แก่ผู้แทนจำหน่าย เป็นต้น พร้อมกับมุ่งเจาะตลาดเจ้าของโครงการที่เน้นในเรื่องคุณภาพของสินค้า ด้วยกลยุทธ์ Cross-Sell ไปกับสินค้าตราช้างตัวอื่นๆ ที่ใช้ในโครงการ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า “เหล็กตราช้าง” จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
              “ผลิตภัณฑ์เหล็กตราช้างได้มีการวางจำหน่ายไปเบื้องต้นแล้วในปี 2556 และได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย สามารถทำยอดขายในปี 2556 ได้ตามเป้าหมาย 120,000 ตัน และคาดว่าในปี 2557 จะเติบโตขึ้นอีก 8% โดยมีกลุ่มร้านค้าผู้แทนจำหน่าย และร้านค้าวัสดุก่อสร้างเป็นช่องทางจัดจำหน่ายหลักของเหล็กเส้นตราช้าง ในสัดส่วนการสร้างยอดขายสูงถึง 80% นอกจากนั้น เป็นยอดขายจากร้านค้าเฉพาะสินค้าเหล็ก (Stockists) 10% โมเดิร์นเทรด 5% ผู้รับเหมา และเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ 5%” นายธงชัย กล่าว
              สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กเส้นก่อสร้างนั้น นายธงชัย ให้ความเห็นว่า เหล็กเส้นก่อสร้างเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการแข่งขันด้านราคารุนแรงจากหลากหลายปัจจัยรอบด้านที่กระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นราคาวัตถุดิบ (billet & scrap) ซึ่งโรงงานที่ผลิตมีทั้งนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ และวัตถุดิบในประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท และราคาน้ำมัน ซึ่งจะแปรผันโดยตรงต่อค่าขนส่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น นโยบายการขยายตัวทางเศรษฐกิจตลอดจนโครงการพัฒนาประเทศของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้เหล็กภายในประเทศสูงขึ้น โดยคาดว่าปี 2557 ภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กเส้นก่อสร้างจะเติบโตขึ้น 8-10%

 

ที่มา : เว็บไซด์ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 8 มกราคม 2556
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000002747