ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
17 เม.ย.2560

รายงานตลาดบ้านสร้างเอง Q1 และแนวโน้มครึ่งปีแรก 2560

Line

       THBA ประเมินตลาดบ้านสร้างเองไตรมากแรกปี 60 ขยายตัวร้อยละ 19 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปีก่อนที่กำลังซื้อซบเซา เผยกลุ่มรับสร้างบ้านมีแชร์ตลาด 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น กทม.และปริมณฑลร้อยละ 60 และตจว.ร้อยละ40 โดยแชร์ตลาดตจว.ขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ชี้ผู้ประกอบการร้อยละ 90 เลือกกลยุทธ์แข่งขันราคาต่ำ มีเพียงร้อยละ 10 ที่เน้นขายความแตกต่างและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ มองแนวโน้มการเมืองมีความชัดเจนเป็นปัจจัยบวก แนะผู้ประกอบการราคาไม่ใช่คำตอบเดียวที่ผู้บริโภคเลือก
       
       สถานการณ์ตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศ ในช่วงไตรมาสแรกปี 2560 นี้ (ม.ค.-มี.ค.) ขยายตัวใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แต่หากเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ประเมินว่าเติบโตกว่าร้อยละ 18-19 โดยปัจจัยหลักๆ มาจากการกระตุ้นตลาดและแข่งขันกันคึกคักมากขึ้น ของบรรดากลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน หลังจากที่ไตรมาส 4 ตกอยู่ในบรรยากาศซบเซาระยะหนึ่ง ทั้งนี้ผู้ประกอบการได้มีการรวมตัวจัดอีเว้นท์หรือมหกรรมสร้างบ้านฯ และจัดโปรโมชั่นปลุกกำลังซื้อที่อั้นมาจากปีก่อนขึ้น รวมถึงมีการใช้งบซื้อโฆษณาทั้งทีวีและออนไลน์มากขึ้น ฯลฯ นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเองก็เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประเมินได้จากบรรยากาศในงานอีเว้นท์ที่มีผู้บริโภคมาเลือกช้อป และว่าจ้างผู้ประกอบการรับสร้างบ้านกันอย่างคึกคัก ทำให้ตัวเลขยอดขายบ้านโดยเฉพาะกลุ่มสมาชิกสมาคมฯ ที่แข่งขันอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแชร์ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มกันทั่วหน้า
       
       สำหรับตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศปี 2560 เฉพาะประเภทพักอาศัยถาวร คาดว่ามีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 8หมื่นล้านบาทเศษ โดยกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านมีแชร์ส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทเศษ ขยายตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ทั้งนี้มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ 1.มูลตลาดรับสร้างบ้านเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีสัดส่วน 55 - 60% หรือคิดเป็น 8 พันล้านบาทเศษ และ 2.มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัด มีสัดส่วน 40-45% หรือคิดเป็น 5.5 - 6 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี หากพิจารณาสัดส่วนของทั้ง 2 กลุ่มเปรียบเทียบกับในอดีต พบว่าตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัด มีสัดส่วนขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะ 15 ปีที่ผ่านมา เหตุผลนั้นชัดเจนว่ามีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ในต่างจังหวัดเข้ามาในธุรกิจรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายสาขาและตลาดต่างจังหวัดของกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านชั้นนำ และสามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการรับรู้และความเข้าใจของผู้บริโภคที่มีต่อธุรกิจรับสร้างบ้านดีขึ้นตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วง 10-15 ปีก่อนหน้านี้
       
       กลยุทธ์และการแข่งขัน
       
       สมาคมฯ ประเมินว่าตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 2 หรือครึ่งปีแรกยังคงแข่งขันรุนแรงเช่นที่ผ่านมา โดยกลยุทธ์หลักๆ ที่กลุ่มผู้ประกอบการนำมาใช้แข่งขันและเห็นได้ชัดเจน สามารถแบ่งออกได้ 3 ลักษณะคือ 1.กลยุทธ์ราคาต่ำ 2.กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และบริการที่แตกต่าง 3.กลยุทธ์การสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าผู้ประกอบการกว่าร้อยละ 90 ชูกลยุทธ์ราคาต่ำ ในขณะที่มีผู้ประกอบการส่วนน้อยหรือร้อยละ 10 เท่านั้น ที่จะเน้นให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง และด้วยเหตุที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เลือกใช้กลยุทธ์ราคาต่ำ จึงทำให้ต้องเลือกใช้วิธีลดต้นทุนด้วยการหลบเลี่ยงภาษีโดยอาศัยช่องโหว่ทีมี ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบการ ที่ปฏิบัติตามระบบอย่างถูกต้องแข่งขันลำบาก เพราะเสียเปรียบในแง่ต้นทุนทางภาษี 

 






 
ที่มา : manager.co.th
(วันที่ 15 เมษายน 2560)