09 พ.ค.2560
'กรุงไทย' ปล่อยกู้บ้านไหลลื่น เศรษฐกิจฟื้นตัว ช่วยดันยอด 4.5 หมื่นล้าน
กรุงไทย มั่นใจสินเชื่อบ้านปีนี้โตตามเป้าหมายที่ 4.5 หมื่นล้านบาท ยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยกลับมาดีหนุนสินเชื่อเติบโตได้ตามแผน แม้ยอดปล่อยสินเชื่อไตรมาส1/60 มียอดปล่อยกู้บ้านเพียง 6 พันล้านบาทก็ตาม เล็งปล่อยกู้ตามแนวรถไฟฟ้าและออกต่างจังหวัดมากขึ้น
นายลือชัย ชัยปริญญา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์รายย่อย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารช่วงไตรมาส 2/60มองว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยปัจจัยบวกหลายๆด้านที่เข้ามา ประกอบกับช่องว่างของสินเชื่อที่อยู่อาศัยในท้องตลาดยังคงมีอยู่
ดังนั้นโอกาสที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้เติบโตขึ้นได้ไม่ยาก และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 45,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ เดือนมี.ค. 60 มียอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างประมาณ 357,000 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นยอดปล่อยที่ปกติ เนื่องจากช่วงไตรมาสแรกของทุกปีจะมียอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยน้อย เพราะการปล่อยยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะมีการเร่งปล่อยในช่วงไตรมาส 3-4เป็นหลัก
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำมากมีไม่ถึง 1% ทั้งนี้ ในช่วงสองปีที่ผ่านมาธนาคารบริหารจัดการหนี้เสียกลุ่มดังกล่าวดีมาโดยตลอด ทำให้หนี้เสียดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำ โดยไม่จำเป็นจำขายหนี้เสียให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) จัดการให้
นายลือชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะไปตามหัวเมืองใหญ่ๆ รอบประเทศไทยที่ยังมีตลาดให้เข้าไปอีกจำนวนมาก สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวส่วนมากจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ เป็นหลัก แต่การเพิ่มสัดส่วนในเขตพื้นที่ต่างจังหวัดรับว่าจะต้องค่อยๆ ขยายตัว ทำให้ไม่สามารถแจงสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยระหว่างพื้นที่กรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดไม่ได้ในขณะนี้ นอกจากนี้ธนาคารยังมีแผนปรับเปลี่ยนการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในพื้นกรุงเทพฯปีนี้ใหม่ จะเน้นปล่อยตามแนวโรงไฟฟ้าผ่านเป็นหลัก เพราะความต้องการบ้านในพื้นที่ดังกล่าวมีอยู่อีกมาก
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
(วันที่ 9 พฤกษภาคม 2560)