ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
05 ก.พ.2557

ทัวร์-อสังหาฯ หนีกรุงบุกตจว.พลิกแผนธุรกิจรับชุมนุมยื้อ

Line

ทัวร์-อสังหาฯ หนีกรุงบุกตจว.พลิกแผนธุรกิจรับชุมนุมยื้อ  

"ทัวร์-อสังหาฯ"พลิกแผนธุรกิจ หลังการเมืองลากยาว หันลุยตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ลด-ยกเลิกโปรแกรมทัวร์กรุงเทพฯทำใจรับภาวะขาดทุน ด้านอสังหาฯ เน้นกลยุทธ์ยืดหยุ่น เลื่อนเปิดตัวโครงการคอนโดแนวราบ ไปในไตรมาสสอง รับยอดขายกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ลดลงกว่าครึ่ง

การชุมนุมทางการเมืองที่ลากยาวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน และคาดว่าจะไม่ยุติลงโดยง่าย ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องปรับแผนรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะบริษัททัวร์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังจากความต้องการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่หดตัวอย่างมาก

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)กล่าวว่า การปรับตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยวในภาวะการเมืองปัจจุบัน ทำได้แต่เพียงเพื่อประคองรายได้ให้อยู่รอดโดยไม่ต้องปลดพนักงานเท่านั้น เนื่องจากปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับตลาดต่างชาติอย่างเรื่อง "ความเชื่อมั่น"ด้านความปลอดภัย เป็นเรื่องอยู่เหนือความควบคุมของภาคเอกชน

ดังนั้น ในช่วงนี้แม้ว่าลูกค้าทัวร์ตลาดต่างประเทศบางส่วนจะยังเดินทางมา แต่ก็อยู่ในระดับ "น้อยมาก" จนแทบจะไม่มีกำไร ทัวร์แต่ละรายก็ต้องรับสภาพไปเพื่อให้ยังพอมีรายได้พอสำหรับคนงาน อาทิ มัคคุเทศก์ ที่เคยมีปัญหาขาดแคลน แต่ตอนนี้เริ่มว่างงานเป็นจำนวนมาก

สำหรับกลุ่มทัวร์นำนักท่องเที่ยวมาไทย(อินบาวด์)ต้องปรับแผนนำเสนอการขายใหม่สำหรับตลาดที่ยังมาไทยแต่ยังห่วงผลกระทบเรื่องการเมือง โดยแบ่งเป็น 2แนวทางหลัก คือ กลุ่มที่มีความกังวลแต่ไม่มาก อาจตัดโปรแกรมในกรุงเทพฯ เหลือเพียง 1คืน แล้วให้เดินทางไปจังหวัดรอบนอก อาทิ พัทยา พระนครศรีอยุธยา และ กาญจนบุรี แทน ส่วนตลาดที่มีความกังวลสูง ก็จัดโปรแกรมเลี่ยงการแวะเข้ากรุงเทพฯ ทั้งหมด แล้วให้เข้าตรงไปที่ภูเก็ต เกาะสมุย กระบี่ หรือ เชียงใหม่ เชียงราย แทน

บริษัททัวร์จีนเลิกจ้างชาร์เตอร์ไฟลต์

นอกจากนี้ ในส่วนของบริษัททัวร์ที่รับตลาดจีนซึ่งลูกค้าหายไปกว่า 50% ในช่วงตรุษจีน ที่ผ่านมานั้น เริ่มปรับลดงบลงทุนบางส่วนด้วยการ เลิกจ้างเครื่องบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ซึ่งจะทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่าย หากไม่สามารถทำลูกค้าได้ตามกำหนด ทำให้ขณะนี้คาดว่าธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องนอกจากทัวร์ด้วยแล้ว คือ ประเภทผู้ให้บริการชาร์เตอร์ไฟลต์ต่างๆ

อย่างไรก็ตาม สำหรับบริษัททัวร์ที่ทำทั้งตลาดนำคนไทยไปต่างประเทศ (เอาท์บาวด์) ด้วยนั้น ยังสามารถประคองธุรกิจได้ดีกว่า เพราะในช่วงการเมืองตึงเครียดที่ผ่านมายังพบว่า คนไทยส่วนหนึ่งนิยมเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ ทำให้แพ็คเกจทัวร์ ทั้งในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและทัวร์ระยะไกล (Long Haul) ในยุโรป ยังคงทำยอดขายได้เรื่อยๆ

ทำใจทัวร์เที่ยวไทย"ขาดทุน"

"ทัวร์อินบาวด์ในช่วงนี้ ต้องทำใจว่าอาจอยู่ในภาวะขาดทุน โดยเฉพาะบริษัทเล็กที่มีทุน ไม่มาก หากสถานการณ์ทางการเมืองยังคงร้อนแรง และทำให้ลูกค้าที่มีอยู่น้อยอยู่แล้วตัดสินใจ ยกเลิกเดินทาง จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาเพราะบริษัททัวร์รับภาระการจองและจ่ายมัดจำกับโรงแรมไว้แล้ว และบางรายก็ไม่สามารถเรียกเงินคืนได้ ทำให้มีปัญหาขาดสภาพคล่อง"

อสังหาฯเกาะติดสถานการณ์วันต่อวัน

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการ ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า จากการประเมิน สถานการณ์ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปมากกว่าเดิม แต่ยังคงต้องเกาะติดสถานการณ์เป็นวันต่อวันต่อไปเหมือนเดิม เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์ในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ต้องปรับแผนตั้งรับ และพร้อมปรับตัวตลอดตามสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นวันต่อวัน แต่ถ้าทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นไปกว่านี้ ก็คงเดินตามแผนเดิม แต่หากมีความรุนแรงเกิดขึ้น ก็คงต้องกลับมาทบทวนปรับแผนใหม่อีกรอบ นอกจากนี้ การรับโอนกรรมสิทธิ์ของลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว ก็ยังไม่พบว่ามีปัญหาอย่างที่หลายฝ่ายกังวล

อย่างไรก็ดี หากเหตุการณ์ยังคงยืดเยื้อไปเรื่อยๆ และยังไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะยิ่งส่งผลกระทบ หนัก โดยเฉพาะการลงทุนใหม่ของต่างชาติที่จะ เข้ามา โดยเห็นว่ารัฐบาลควรที่จะยกเลิกการใช้ พ.ร.ก. ดังกล่าว เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ต่างชาติกลับมาโดยเร็ว

"เสนา"เลื่อนเปิดตัวคอนโด-แนวราบ

ด้านนางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์  กรรมการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า แม้ปัญหาการเมืองยืดเยื้อมากว่า 3 เดือนแล้ว แต่บริษัทจะยังไม่มีการปรับแผนใหม่ โดยมุ่งเน้น กลยุทธ์ด้านความยืดหยุ่น เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ขณะเดียวกัน มุ่งเน้นเปิดตัวโครงการแนวราบ มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน อสังหาฯ ที่เป็น แนวราบขายง่ายกว่าแนวสูง เป็นผลพวงด้านเศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของ ผู้บริโภค โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม โดยให้ความ สำคัญกับการวางแผนกระจายความเสี่ยงด้วย โมเดลธุรกิจใหม่ ในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้ จากคอนโดมิเนียม 80%บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม 10% และ ธุรกิจเช่า 10% โดยวางเป้าหมาย กระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจเช่ามากขึ้น

"ภาวะเศรษฐกิจและการเมืองมีผลต่ออารมณ์ซื้อของลูกค้าในขณะนี้ โดยเฉพาะปัจจัยด้านการเมืองอย่างสถานการณ์ที่การเมืองมีความอึมครึม เสนาได้เลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งคอนโดและแนวราบไปเป็นช่วงไตรมาส2"

"พีดีเฮ้าส์"หันทำตลาดต่างจังหวัด

ส่วน นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทจะยังไม่มีการปรับแผนการตลาดรอบใหม่ เพราะต้องการรอดูภาวะตลาดหลังจากสิ้นเดือนก.พ. ไปแล้ว แม้ว่าปัญหาด้านการเมือง จะส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ทั้งในแง่จำนวนลูกค้าใหม่ที่เข้ามาติดต่อ และยอดขายของสาขาที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล  ลดลงประมาณ 50%  หรือมีรายได้กว่า 60 ล้านบาท จากยอดขายปกติเฉลี่ยเดือนละกว่า 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ การปรับตัวเบื้องต้นของบริษัท การเน้น ทำตลาดต่างจังหวัดแบบเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะ ในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน เพราะมองว่า เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองน้อย เพื่อเจาะกำลังซื้อในพื้นที่ตลาดใหม่ๆ และเป็นการ ชดเชยยอดขายในตลาดเดิมที่ชะลอตัว พร้อมทั้งปรับเรื่องการใช้สื่อโฆษณา จากแมสมาเป็นการใช้สื่อท้องถิ่น และจัดกิจกรรมทางการตลาดในต่างจังหวัดมากขึ้น

 

ที่มา :ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557
http://www.reic.or.th/News/News_Detail.aspx?newsid=46295