ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
12 ต.ค.2561

ส่องตลาดสร้างบ้าน หวังโค้งสุดท้ายดันโต

Line
            ก้าวสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี หลายธุรกิจดูเหมือนจะฝากความหวังไว้ในช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งรวมถึงธุรกิจรับสร้างบ้านที่ในช่วงไตรมาส 3 ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและฤดูกาลในหลายพื้นที่กลายเป็นปัจจัยฉุดให้กำลังซื้อทำให้ภาพรวมยังทรงตัวหรือขยายตัวใกล้เคียงกับช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
 


 

            สิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยถึงทิศทางตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาส 4 ปีนี้ ว่าหลังจากรัฐบาลปลดล็อกทางการเมืองและส่งสัญญาณเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2562 ทำให้ผู้บริโภคเริ่มคลายความกังวล ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและประชาชนเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้หากทิศทางด้านเศรษฐกิจประเทศปรับตัวได้ดี จะทำให้กล้าจับจ่ายใช้สอยและลงทุนเรื่องบ้านหรือที่อยู่อาศัยมากขึ้นซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านมีทิศทางที่เป็นบวก

            ทั้งนี้ สมาคมประเมินมูลค่ารวมตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศในปี 2561 มีมูลค่าประมาณ 1.3-1.5 แสนล้านบาท โดยธุรกิจรับสร้างบ้าน หรือกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านซึ่งไม่ใช่ผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป น่าจะมีแชร์ส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านน่าจะแชร์ส่วนแบ่งได้แล้ว 70% หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ ซึ่งยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ซึ่งสะท้อนจากในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส (ก.ค.-ส.ค.) กำลังซื้อชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะสามารถมีส่วนแบ่งได้ตามที่ประมาณการไว้
 



 

            “สมาคมเชื่อว่ากำลังซื้อจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหากรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำได้ตลาดรับสร้างบ้านน่าจะได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย ทั้งนี้พบว่ากำลังซื้อยังคงมีอยู่ เพียงแต่ผู้บริโภครอการตัดสินใจเท่านั้น ขณะนี้ผู้ประกอบการต่างเร่งจัดโปรโมชั่นต่างๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจให้เร็วขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเองมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญสถาบันการเงินเริ่มคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อ และจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ เป็นปัจจัยทำให้ผู้บริโภครีบตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงนี้” สิทธิพร กล่าว

            ที่ผ่านมาในไตรมาส 4 อาจมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบอยู่บ้างในเรื่องของภัยธรรมชาติ หากเผชิญพายุฝนอีกครั้งก็อาจเกิดการชะงักในเรื่องของการก่อสร้าง รวมถึงปัจจัยด้านการเมือง หากว่ารัฐบาลมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก คาดว่าจะส่งผลในด้านลบและอาจทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจหรือตัดสินใจล่าช้าออกไปอีกเช่นกัน

            ด้านบริโภคเองก็ควรต้องศึกษาข้อมูล รวมถึงมีการเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ก่อนการตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน เพราะปัจจุบันกว่า 70% มักจะใช้สมาร์ทโฟนในการค้นหาข้อมูล แต่ก็อาจจะมีข้อจำกัดบางประการในการเปรียบเทียบข้อมูล ดังนั้นทางที่ดีควรจะต้องศึกษาในเชิงลึกมากขึ้น

            สำหรับภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมายังมีการแข่งขันกันรุนแรงโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและหัวเมืองเศรษฐกิจ โดยกลุ่มที่มีการแข่งขันรุนแรงมากคือบ้านราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทที่เน้นแข่งขันราคามากกว่าเน้นคุณภาพ

            อย่างไรก็ดี แม้ 9 เดือนที่ผ่านมา ตลาดจะโตไม่ได้ตามที่คาดการณ์ไว้แต่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่า ความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคจะเติบโตในช่วงไตรมาสสุดท้าย