ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
14 ก.พ.2562

ผันผวนหนัก เฉลี่ยทั้งปี32บาท/ดอลลาร์

Line

          หอการค้าไทยประเมินส่งออกไทยปี62 ขยายตัว 4.4% หรือต่ำสุดในรอบ 3 ปี เหตุเศรษฐกิจโตแค่ 3.5% น้ำมันดิบ 60 เหรียญ/บาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 32 บาท/เหรียญ แต่ต้องจับตาผลการเจรจาสงครามการค้าจีน-สหรัฐจะออกมาอย่างไร แนะไทยยังเร่งเจาะตลาดใหม่มากขึ้น อินเดีย รัสเซีย ตลาดเก่ายังต้องรักษาส่วนแบ่งไว้ หวั่นเศรษฐกิจจีนหดตัวกระทบชิ่งส่งออกไทยทรุด


          ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เผยแพร่การวิเคราะห์ทิศทางการส่งออกไทยปี 2562 โดย นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่า การส่งออกไทยจะขยายตัว 4.4% ซึ่งเป็นการโตต่ำสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2560 แต่อยู่ในกรอบระหว่าง 3.2-4.6% ภายใต้สมมุติฐานที่ส่งผลกระทบ เช่น เศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.5% ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 32 บาท/เหรียญสหรัฐ การเจรจาเพื่อยุติสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐประสบความสำเร็จ ไม่มีการขึ้นภาษีเพิ่มเติม โดยอัตราภาษียังอยู่ที่ 10% และสถานการณ์ Brexit ไม่มีผลกระทบรุนแรง สถานการณ์ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางปกติ

          ทั้งนี้ ได้ประมาณการส่งออกไว้ 3 สถานการณ์ ได้แก่ เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปในทางปกติ ภาพการส่งออกทั้งปีจะขยายตัวอยู่ที่ 4.4% แต่หากสถานการณ์ดีขึ้น เศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.7% ราคาน้ำมันดิบประมาณ 70 เหรียญ/บาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 33 บาท/เหรียญ จีนและสหรัฐเจรจาไม่มีการขึ้นภาษี สถานการณ์ Brexit ไม่รุนแรง การส่งออกไทยทั้งปีจะขยายตัว 4.6% และกรณีสุดท้าย สถานการณ์เลวร้ายที่สุด การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก 2.9% ราคาน้ำมันดิบ 50 เหรียญ/บาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 31 บาท/เหรียญ การเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนล้มเหลว ทำให้สหรัฐขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 20% ตามแผนเดิม ขณะที่ปัญหา Brexit ไม่รุนแรง ภาพรวมจะทำให้การส่งออกไทยตลอดทั้งปี 2562 ขยายตัวได้แค่ 3.2%

          “หากดูสัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยไปในตลาดโลก 70% ยังคงอยู่ที่ตลาดสหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป อาเซียน และจีน โดยเฉพาะตลาดจีนในปีนี้มีความน่ากังวล เพราะไทยพึ่งพิงการตลาดจีนมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีนคาดว่าจะปรับตัวลดลงเรื่อย ๆ นับจากนี้ รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐด้วย ซึ่งก็จะมีผลต่อเนื่องให้เศรษฐกิจโลกปรับตัวลดลง เมื่อเศรษฐกิจประเทศเหล่านี้ไม่ดี การส่งออกไทยก็จะไม่ขยายตัว แต่ทั้งนี้ ตลาดจีน-สหรัฐยังคงเป็นตลาดสำคัญที่ไทยจำเป็นต้องรักษาตลาดและส่วนแบ่งตลาดไว้ ส่วนอีก 30% ไทยส่งออกไปในกลุ่มตลาดใหม่ อินเดีย แอฟริกา บราซิล อเมริกาใต้ เป็นต้น แต่สัดส่วนการส่งออกไปจากไทยยังน้อย จึงมองว่าไทยควรที่จะขยายตลาดมากขึ้น” นายอัทธ์กล่าว

          ส่วนปัจจัยกระทบอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อการส่งออกไทย เช่น ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวลดลง, การถูกตัดสิทธิพิเศษ GSP 11 รายการของไทยไปสหรัฐ รวมไปถึงประเด็นที่ต้องติดตามอย่างการส่งออกของไทยไปสหภาพยุโรปลดลง เนื่องจากในปี 2562 ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างสหภาพยุโรปกับเวียดนามจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งก็จะมีผลกระทบต่อการแข่งขันในบางสินค้ากับไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีผลต่อค่าเงินบาทแข็งค่า ล้วนเป็นปัจจัยที่กระทบต่อภาพการแข่งขันและการส่งออกไทยในปีนี้

          “เฉพาะกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หากการเจรจาล้มเหลว ทั้ง 2 ประเทศมีการปรับขึ้นภาษีระหว่างกัน และเพิ่มรายการสินค้าในการเก็บภาษี จะทำให้การส่งออกไทยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าลดลง 1.9% หรือมีมูลค่าที่หายไป 4,427 ล้านเหรียญ แต่หากกรณีเจรจาล้มเหลวมีการปรับขึ้นภาษี แต่ไม่ได้เพิ่มรายการสินค้า การส่งออกไทยจะหดตัว 1.0% หรือมูลค่าที่หายไป 2,367 ล้านเหรียญ และกรณีดีที่สุด การเจรจา 2 ฝ่ายประสบผลสำเร็จ ไม่มีการปรับขึ้นภาษี ไทยจะได้รับผลกระทบเพียง 0.5% หรือมูลค่าที่หายไปเพียง 1,181 ล้านเหรียญเท่านั้น

          และหากพิจารณาเป็นรายสินค้าที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ตลาดสหรัฐ กลุ่มสินค้าที่ไทยได้รับผลกระทบจากการส่งออก ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล, เครื่องนุ่งห่ม, ผลิตภัณฑ์ยาง, รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ, ข้าว เป็นต้น ขณะที่การส่งออกไทยไปตลาดจีน สินค้าที่กระทบ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง, เคมีภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ, ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง และเม็ดพลาสติก

          นอกจากนี้ “ค่าเงินบาท” ก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2562 ค่าเงินบาทไทยยังมีความผันผวน โดยเดือนมกราคม ค่าเงินบาทไทยแข็งค่า 3.4% หรือแข็งค่ามากที่สุดในเอเชีย ส่วนเดือนกุมภาพันธ์ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 3.0% “ซึ่งยังคงผันผวนอยู่” โดยหอการค้าไทยประมาณการว่า หากค่าเงินบาททั้งปี 2562 อยู่ที่ 32 บาท/เหรียญ การส่งออกไทยจะลดลง 0.1% มีมูลค่า 341.23 ล้านเหรียญ หากค่าเงินบาทอยู่ที่ 31 บาท/เหรียญ การส่งออกไทยจะลดลง 0.4% มีมูลค่า 1,099 ล้านเหรียญ และหากค่าเงินบาทอยู่ที่ 33 บาท/เหรียญ การส่งออกไทยจะเพิ่มขึ้น 0.9% มีมูลค่า 2,198 ล้านเหรียญ

          อย่างไรก็ดี หากจะทำให้การส่งออกไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น จากที่ประเมินจะต้องเพิ่มกิจกรรม-การเจรจาการค้าให้มากขึ้น เพื่อให้การส่งออกเติบโต และมุ่งเน้นเข้าไปทำตลาดใหม่ เช่น รัสเซีย อินเดีย ตะวันออกกลาง บราซิล เนื่องจากที่ผ่านมาการทำตลาดไทยไปในกลุ่มนี้ยังน้อย และโอกาสของสินค้าที่น่าจะไปได้ดี

ที่มา : www.prachachat.net
(วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562)