ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
26 มี.ค.2562

บิ๊กTHBAเตือนรับมือ'ภาษี'จ่อขึ้น! ผลักดันประชานิยม'ค่าแรง-อุ้มราคาเกษตร'

Line

          นายกส.ไทยรับสร้างบ้าน มองประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตย แต่หาก พปชร. จัดตั้งรัฐบาล การทำนโยบายให้ได้ทุกอย่าง ต้องใช้งบประมาณมหาศาล อาจนำไปสู่ การขึ้นภาษีหนุนเก็บภาษีบาป แต่ขึ้นVAT ห่วงปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400-425 บาท ต้องบริหารให้ดี หวั่นต้นทุนค่าแรงพุ่งพรวด 30% แรงงานต่างด้าวทะลัก SMEไปไม่รอด ชี้ทางรอดธุรกิจรับสร้าบ้าน ต้องหาเทคโนโลยีเสริมก่อสร้าง ทำรอบให้เร็ว 

          นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะนายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA) เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้งในประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวานี้ (24 มี.ค.)ว่า เป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทยที่ได้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับต่างประเทศ แต่ขณะนี้ ต้องรอความชัดเจนจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่า จะประกาศผลออกมาเป็นอย่างไร 

          "โดยส่วนตัวแล้ว เห็นว่า เมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว ก็อยากให้ทุกฝ่ายพบกันในสภา ไม่ใช่ทะเลาะกันบนถนนอีก ทหารก็ควรจะกลับกรมกอง เปลี่ยนจากเวทีเดิมที่ใช้ทหาร ไปสู่เวทีที่พบกันในสภาผู้แทนราษฎร์"

          แต่ทั้งนี้ ตามข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ หากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเข้ามาบริหารประเทศนั้น ประเด็นที่ต้องติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด คือ เรื่องนโยบายประชารัฐ (หรือประชานิยม) ซึ่งหากทำตามนโยบายทุกอย่างแล้ว แน่นอน รัฐบาลใหม่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการขับเคลื่อนสิ่งที่หาเสียงไว้ ทั้งเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400-425 บาท เป็นการขยับขึ้นถึงร้อยละ 30 และค่าแรงในสายงานที่มีฝีมือที่ต้องปรับขึ้นสูงกว่าปัจจุบัน นอกจากนี้ พปชร.ยังจะมีการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับมนุษย์เงินเดือนร้อยละ 10 รวมถึงการปรับขึ้นราคาพืชผลให้สูงขึ้น 

          "ถ้ารัฐบาลไม่ทำ ก็เหมือนประชาชนถูกหลอก แต่ถ้าทำทั้งหมด รัฐบาลก็ต้องหาเงิน ถ้าไม่ขึ้นภาษีแล้ว รัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหน การขึ้นภาษี ถ้าเป็นภาษีบาป ก็ดี แต่เรากังวลว่า รัฐบาลใหม่ จะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวต ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 7 และหากขยับแวตไประดับร้อยละ 9 นั่นแปลว่า ต้นทุนทางภาษีของผู้ประกอบการ และค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคจะปรับขึ้นประมาณร้อยละ20 ภาระดังกล่าวจะถูกผลักไปสู่ผู้บริโภค ราคาบ้านจะแพงขึ้น เนื่องจากในการก่อสร้างบ้านหนึ่งหลัง ต้นทุนค่าแรงอยู่ที่ร้อยละ 25-30 "

          ตามข้อมูลของกระทรวงการคลัง ระบุตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศ (สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง) ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2561 มีจำนวน 6,833,645.93 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 6,578,857.80 ล้านบาท หรือ 96.27% และหนี้ต่างประเทศ 254,788.13 ล้านบาท (ประมาณ 7,778.38 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือ 3.73% ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด 

          "ผมมองว่า ธุรกิจต้องปรับตัว โดยเฉพาะธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ที่ต้องเดือดร้อนแน่นอน แล้ว SME จะอยู่อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า หากไม่รอด จะพึ่งรายใหญ่อย่างเดียวได้แค่ไหน รายใหญ่ไปทุ่มขยายธุรกิจในต่างประเทศ ในภูมิภาคอาเซียน เงินที่ได้มาก็เข้ากระเป๋าของธุรกิจ แต่ SME ทำภาษีให้รัฐบาล และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ในเรื่องค่าแรง คือ แรงงานต่างด้าว ที่จะทะลักเข้าไทย โดยมีค่าแรงที่จูงใจ ขณะเดียวกัน หากรัฐบาลใหม่ ประกาศจะขึ้นค่าแรงแบบขั้นบันไดนั้น ก็ต้องดูอีก ไปโผล่ในจังหวัดหรือพื้นที่ใดมาก เพราะย่อมทำให้เกิดการไหลของแรงงานตามไปอีก แต่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ สินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องแพงขึ้น หรือหากรัฐบาลจะขอให้คงราคาสินค้านั้น แม้เอกชนจะช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ไปลดปริมาณของสินค้าลง"

          สำหรับในธุรกิจรับสร้างบ้าน ตนมองว่า ต้องปรับตัว การพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาเสริมในการก่อสร้างบ้าน มีการปรับระบบให้มีความทันสมัย และทำบ้านให้มีรอบที่เร็วขึ้น เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการก่อสร้างบ้าน

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
(วันที่ 26 มีนาคม 2562)