ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
27 ก.ค.2556

เอเจนซี่ฯเผยครึ่งปีอสังหาฯล้มเลิก89โครงการ

Line

เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท เผยครึ่งปีอสังหาฯเลิกโครงการแล้ว 89 โครงการ กว่า 1.8 หมื่นหน่วย มูลค่ารวมกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด เปิดเผยผลสำรวจอสังหาฯล่าสุด ณ กลางปี 2556 จากการสำรวจ 1,378 โครงการ พบว่า มีโครงการปิดตัวไปแล้ว 89 โครงการ จำนวน 18,404 หน่วย มูลค่ารวมถึง 45,810 ล้านบาท ในจำนวนนี้พบว่ากลุ่มใหญ่ถึง 8,567 หน่วย หรือราว 47% เป็นห้องชุดพักอาศัย รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว 4,598 หน่วย หรือ25% ต่อด้วยทาวน์เฮาส์ จำนวน 2,414 หน่วย สัดส่วน 13% และเป็นที่ดินจัดสรร 1,643 แปลง หรือ 9%
 
การผลิตที่อยู่อาศัย บ้านเดี่ยวมักเกิดขึ้นมากเป็นอันดับสาม แต่ในกรณีการล้มเลิกโครงการ บ้านเดี่ยวขึ้นมาเป็นอันดับสอง แสดงว่า บ้านเดี่ยว ซึ่งมักขายได้ช้านั้น มีปัญหาพอสมควร และที่ดินจัดสรรที่สถาบันการเงินมักไม่อำนวยสินเชื่อ เพราะหลักประกันต่ำ และไม่มีบ้านอยู่ด้วยจึงขายไม่ออก และประสบปัญหาไปในที่สุด
 
หากพิจารณาในแง่ของมูลค่าการพัฒนาพบว่า บ้านเดี่ยวล้มเลิกโครงการเป็นมูลค่าสูงสุดถึง 20,357 ล้านบาท หรือ 44% รองมาจึงเป็นห้องชุด ณ มูลค่า 15,510 ล้านบาท หรือ 34% ทาวน์เฮาส์ล้มเลิกไปเป็นมูลค่า 4,813 ล้านบาท หรือ 11% การที่บ้านเดี่ยวกลับนำห้องชุด เป็นเพราะราคาเฉลี่ยต่อหน่วยของบ้านเดี่ยวมีราคาสูงกว่า จึงทำให้มูลค่าความเสียหายสูงกว่า
 
เมื่อเจาะลึกในรายละเอียดเพิ่มขึ้นจะพบว่า กลุ่มห้องชุดที่ประสบปัญหาจนหยุดขายไป ได้แก่ ห้องชุดราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 5,122 หน่วย หรือราว 28% หรือหนึ่งในสี่ และสังเกตได้ว่าห้องชุดระดับราคานี้มีการเปิดตัวมากที่สุด แต่ก็มีบางโครงการล้มเลิกไป แสดงให้เห็นว่าโครงการเหล่านี้ ยังไม่ได้ศึกษาให้ดีพอก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน เช่นเดียวกับ ทาวน์เฮาส์ราคา 1-2 ล้านบาท มีการเปิดตัวมากเป็นพิเศษ ล้มเลิกไป 1,431 หน่วย รวมทั้งกลุ่มบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท มีเหลือขายมากเป็นพิเศษถึง 1,418 หน่วย ซึ่งอาจตั้งข้อสังเกตได้ว่า การพัฒนาโครงการตามๆ กันไป โดยไม่มีการวางแผนให้ถ้วนถี่ อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ในที่สุด

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดการล้มเลิกโครงการไปดังกล่าว ประกอบด้วย สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ จำนวน 30 โครงการคิดเป็น 34%, ขายไม่ออก/รูปแบบสินค้าไม่เหมาะสม จำนวน 21 โครงการคิดเป็น 24%, ไม่ผ่าน EIA จำนวน 9 โครงการ คิดเป็น 10%, รอปรับราคาขายใหม่ จำนวน 7 โครงการ คิดเป็น 8%, เปลี่ยนรูปแบบโครงการ จำนวน 8 โครงการ คิดเป็น 9%, ทำเลที่ตั้ง (ห่างไกลสิ่งอำนวยความสะดวก) จำนวน 6 โครงการ คิดเป็น 7%, มีปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน และทางเข้าออก จำนวน 3 โครงการ คิดเป็น 3%, ปรับปรุงโครงการ (น้ำท่วม) จำนวน 5 โครงการ คิดเป็น 6%

 

ที่มาจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 26 กรกฎาคม 2556