ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
13 ส.ค.2556

“พีดีเฮ้าส์” ไม่หวั่นการเมือง-ศก.ขาลง มั่นใจเป้ายอดขาย 1.4 พันล้านไม่วืด

Line

“พีดีเฮ้าส์” เผยเดือน ก.ค.กวาดยอดขายสูงสุดในรอบปีเกือบ 200 ล้านบาท สวนทางตลาดรวมซบเซา ชี้ผลสำเร็จเกิดจาก 3 กลยุทธ์หลัก ประเมินครึ่งปีหลังตลาด ตจว. ยังขยายตัวได้ดี ขณะที่ตลาด กทม.แค่ทรงตัว ด้านนายก ส.ไทยรับสร้างบ้าน แนะผู้ประกอบการเร่งปรับตัวเองเชิงรุก เตรียมพร้อมรับมือการแข่งขันเมื่อประเทศไทยก้าวสู่เออีซี
       
       นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ และเอคิโฮม เปิดเผยว่า เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทในเครือพีดีเฮ้าส์ สามารถทำยอดขายรวมได้เกือบ 200 ล้านบาท ถือว่ามากที่สุดในรอบ 7 เดือนของปีนี้ สวนทางกับผู้ประกอบการายอื่นๆ ในตลาดที่ส่วนใหญ่ยอดขายซบเซา หรือต่ำกว่าเป้าที่คาดไว้ ทั้งนี้ การที่ยอดขายของบริษัทฯ เติบโตนั้นเหตุผลสำคัญๆ คือ ประการแรก บริษัทฯ ได้ปรับตัวเองด้วยการหันไปบุกเบิกตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดในช่วง 3-4 ปีก่อนหน้านี้
      
       ปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการแล้วมากถึง 34 สาขา ประการที่ 2 การนำกลยุทธ์สร้างเครือข่ายธุรกิจภายใต้ระบบแฟรนไชส์ และการสื่อสารแบรนด์กับผู้บริโภคมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประการสุดท้าย การวางตำแหน่งทางการตลาดในฐานะผู้นำเรื่องบ้านอนุรักษ์พลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ทั้งหมดส่งผลให้บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางเมือง และเศรษฐกิจขาลงที่เกิดขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ายอดขายปีนี้ไว้ 1.4 พันล้านบาทเท่าเดิม
      
       สำหรับ แนวโน้มภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในอีก 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ ประเมินว่ายังสามารถขยายตัวได้ดีเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว โดยเป็นการเติบโตจากตลาดในภูมิภาค หรือต่างจังหวัดเป็นหลัก ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น ประเมินว่า มูลค่าตลาดใกล้เคียงกับปีก่อน หรือแค่ทรงตัว เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองไม่เอื้อต่อความเชื่อมั่น และกำลังซื้อของผู้บริโภค ในขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการเองก็ต้องแก้ปัญหาปัญหาขาดแคลนแรงงานที่ยังรุนแรง รวมทั้งเผชิญกับปัญหาราคาขยับขึ้นหลายครั้งในครึ่งปีแรก ทำให้ต้องแบกรับต้นทุนทั้งค่าวัสดุ และค่าแรงที่สูงขึ้น นอกจากนี้ แรงงานที่ขาดแคลนยังส่งให้งานก่อสร้างล่าช้ากว่าแผนงาน หรือสัญญาฯ หลายๆ รายจึงประสบปัญหาขาดทุน
      
       นายพิศาล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมการแข่งขันในครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะแข่งกันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะรายเล็ก รายกลางที่จำเป็นต้องมียอดขาย และรายได้มาหล่อเลี้ยงธุรกิจ อาจจะเสี่ยงใช้วิธีตัดราคาเพื่อแข่งกับรายที่ใหญ่กว่าบางรายที่เน้นราคาถูก แต่ทั้งหมดจะยังเป็นการแข่งขันกันในตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑลเกือบทั้งหมด สำหรับบริษัทฯ เองคงไม่กระโดดลงไปเล่นสงครามราคาด้วย แต่จะหันมาเน้นการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจวัสดุก่อสร้าง เพื่อเลือกสรรแต่วัสดุที่มีดีไซน์ และมีคุณภาพสำหรับนำมาใช้สร้างบ้านให้ลูกค้าทุกรายแทนการแข่งขันราคา

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 สิงหาคม 2556