ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
24 ก.ย.2556

อสังหาฯรังสิตพลิกเกมแข่งผุดคอนโดฯ

Line

อสังหาฯโซนรังสิตรับอานิสงส์รถไฟชานเมืองสายสีแดง พลิกเกมแข่ง "คอนโด" ยักษ์ใหญ่แห่ผุดกว่า 2.5 หมื่นยูนิต แอลพีเอ็นแจ้งเกิด"หมื่นยูนิต" 

โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) เส้นทางรังสิต-บางซื่อ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เป็นแรงกระตุ้นการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยโซนทิศเหนือของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ "ย่านรังสิต" กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากปลายปี 2554 เผชิญปัญหาน้ำท่วมใหญ่ทำให้การพัฒนาอสังหาฯ ในรอบปีที่ผ่านมา "ชะลอตัว" ล่าสุดผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ กลาง และ รายย่อย ทยอยรุกเปิดแผนโครงการใหม่ ทั้งปรับรูปแบบการพัฒนาจาก "บ้านจัดสรร" เป็น "คอนโดมิเนียม" ที่ถอดแบบมาจากซิตี้ คอนโด หรือ คอนโดในเมือง เป็นยูนิตขนาดเล็ก แต่เพียบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง เน้นทำเลเกาะเส้นทางคมนาคมขนส่งใหม่ รวมกว่า 2.5 หมื่นยูนิต ที่เปิดตัวในครึ่งหลังของปีนี้ โดยยักษ์ใหญ่ แอลพีเอ็น พัฒนากว่า 1 หมื่นยูนิต
 
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการใหม่ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 มูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท เป็นการพัฒนาที่ดินขนาด 100 ไร่ ประกอบด้วยอาคารชุด 8 ชั้น จำนวน 50 อาคาร เป็นห้องชุดกว่า 10,000 ยูนิต เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยมากกว่า 20,000 คน
 
"แอลพีเอ็น เพิ่งซื้อที่ดินแปลงนี้จากเจ้าของรายเดียวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ราคาไร่ละ 1 ล้านบาท รวมมูลค่าที่ดิน 600 ล้านบาท ถือว่าราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับศักยภาพของทำเล ตัดสินใจพัฒนาโครงการนี้เป็นต้นแบบ เมืองขนาดย่อม"
 
ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงการใหญ่ที่สุดของแอลพีเอ็นภายในพื้นที่เดียวกัน ถือว่าใหญ่เป็น 2 เท่าของโครงการใหญ่ ที่แอลพีเอ็นเคยพัฒนามาก่อนหน้านี้ คือ โครงการลุมพินี บดินทร์เดชา-รามคำแหง จำนวนกว่า 3,400 ยูนิต โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ ชลบุรี-สุขุมวิท จำนวน 4,500 ยูนิต และโครงการต้นแบบย่านรามอินทรา-หลักสี่ จำนวน 3,000 ยูนิต
 
สำหรับ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 เป็นการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ที่สุดด้วยคอนเซปต์ความเป็นชุมชนระดับเมืองขนาดย่อม มีองค์ประกอบของคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านสะดวกซื้อ และการดูแลด้านสุขภาพจากเครือโรงพยาบาลเปาโล และเครือโรงพยาบาลพญาไท

ชูราคาต่ำดึงกำลังซื้อ
 
นายทิฆัมพร กล่าวว่า โครงการนี้แม้จะเปิดขายจำนวนมาก แต่เชื่อว่ามีการตอบรับดี เนื่องจากเปิดขายห้องชุดขนาดเล็กสุด 21.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 639,000 เป็นราคาที่เชื่อว่ามีความต้องการในพื้นที่ค่อนข้างมาก พร้อมเปิดจองวันที่ 12 ต.ค.นี้ สำหรับพื้นที่เฟสแรก 4 อาคาร จำนวน 4,800 ยูนิต โดยการขายจะแบ่งเป็น 3 เฟสๆ ละประมาณ 4,000 ยูนิต รวมทั้งสิ้น 10,200 ยูนิต คาดขายหมดภายในปีนี้ เฟสแรกแล้วเสร็จต้นปี 2558
 
นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาโครงการใหญ่ระดับนี้ ให้ครบ 4 มุมเมือง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดิน แต่ขณะเดียวกันก็มีที่ดินในเมือง พร้อมสำหรับการพัฒนาได้เลย 5-6 แปลง กระจายอยู่ในหลายทำเล
 
"กำลังซื้อชะลอตัว ภาระหนี้ครัวเรือน ไม่น่าจะกระทบการขายของแอลพีเอ็น เพราะเชื่อว่าทำราคาได้ต่ำที่สุด 6.39 แสนบาท ในทำเลรังสิตคลอง 1 ไม่มีใครสามารถสร้างขายได้ในราคานี้ ส่วนการขอสินเชื่อไม่ผ่าน เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหาเช่นกัน เพราะปกติโครงการจะดูแลลูกค้าร่วมกับธนาคารตั้งแต่ช่วงการผ่อนเงินดาวน์"

ในปีนี้แอลพีเอ็น จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ย่านสุขุมวิท 24 เจาะตลาดระดับกลาง-บน เมื่อรวมยอดขายของ ลุมพินี ทาวน์ชิป จะทำให้ปีนี้แอลพีเอ็นมียอดขาย 234,400 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมที่ 20,000 ล้านบาท โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมาเปิดขายไปแล้ว 13 โครงการ ยอดขายทำได้กว่า 18,000 ล้านบาท
 
หวังรถไฟสายสีแดงกระตุ้นยอด
 
นอกจาก แอลพีเอ็น ที่ประกาศเปิดโครงการใหญ่ย่านคลอง 1 แล้ว ในพื้นที่ทำเลรังสิตใกล้เคียงกัน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการเตรียมเปิดซิตี้คอนโดชานเมือง ภายใต้ชื่อ "พลัมคอนโด พหลโยธิน 89" เป็นการพัฒนาที่ดิน บริเวณปากซอยทางเข้ามหาวิทยาลัยรังสิต ซ.พหลโยธิน 89 เป็นคอนโดห้องชุดขนาดเล็ก แบ่งการพัฒนาเป็นเฟสละ 8 ไร่ เบื้องต้น 4 เฟส เป็นอาคารคอนโด 8 ชั้นเช่นกัน จำนวน 4 อาคาร เบื้องต้นกว่า 4,116 ยูนิต แต่ทั้งโครงการคาดว่าพัฒนาไม่น้อยกว่า 8,000 ยูนิต
 
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ แอลพีเอ็น กล่าวว่า ไม่เพียงคู่แข่งบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ด้วยกัน ที่เข้ามาเปิดคอนโดใหม่ ในพื้นที่ย่านรังสิต แต่บริษัทอสังหาฯ รายกลาง-รายย่อย มีการพัฒนาโครงการคอนโดในย่านนี้ ปัจจุบันรวมไม่น้อยกว่า 7,000 ยูนิต ซึ่งขายไปแล้วบางส่วน
 
อย่างไรก็ตาม ทั้ง พฤกษา และบริษัทอสังหาฯ รายย่อย ไม่มีใครสามารถเปิดขายที่ราคา 6.3 แสนบาทต่อยูนิต ส่วนใหญ่ราคาเริ่มต้นที่ 9 แสนบาทปลายๆ ถึง 1 ล้านบาทต้นๆ ดังนั้นจุดขายในเรื่องราคา จึงนับเป็นจุดแข็งในการขยายตลาดของ แอลพีเอ็น และเชื่อว่าโซนรังสิตจะแข่งขันอย่างรุนแรงในอนาคต ยิ่งเมื่อมีความพร้อมของระบบขนส่งมวลชนแล้วเสร็จ รถไฟชานเมือง (สายสีแดง) จะเข้ามากระตุ้นความต้องการตลาด ผลักดันราคาอสังหาฯ ย่านนี้ ขยับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน

 

ที่มาจาก www.bangkokbiznews.com วันที่ 24 กันยายน 2556