ปูนเอเซียยันความพร้อมรับมือเมกะโปรเจ็กต์ 2 ล้านล้านบาท เร่งทาบทามค่ายรับเหมาชั้นนำวางแผนรับมือการผลิต  เผยรับมือไหวคาดใช้ประมาณปีละกว่า 1.5 ล้านตันในช่วงแรก  ส่วนกำลังการผลิตทั้งปีได้กว่า 56 ล้านตัน จึงรองรับได้อย่างเหลือเฟือ หนุนรัฐบาลไทยรุกเปิดตลาดเพื่อนบ้านพร้อมเตรียมวางแผนรุกเมียนมาร์และกัมพูชารูปแบบร่วมทุนรัฐต่อรัฐ
นายนภดล รมยะรูป กรรมการผู้จัดการ บริษัทปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมือเมกะโปรเจ็กต์ 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลว่าไม่รู้สึกหนักใจแต่พร้อมรับมืออย่างเต็มที่เนื่องจากได้วางกำลังการผลิตในแต่ละปีไว้ทั้งสิ้นประมาณ 56 ล้านตัน ทั้งเพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศโดยการจำหน่ายป้อนตลาดในประเทศกำหนดไว้ประมาณ 33 ล้านตัน คาดว่าจะสามารถจัดสรรเพื่อรองรับเมกะโปรเจ็กต์ดังกล่าวไว้จำนวน 10 ล้านตันในระยะเวลา 7 ปีของแผนดังกล่าว เฉลี่ยประมาณปีละ1.5 ล้านตันเท่านั้น

 "เมกะโปรเจ็กต์ต่างๆหรืองานระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ปูนซีเมนต์ ถือว่าเป็นโอกาสของบริษัท แต่น่าจะเฉลี่ยกันไปในค่ายปูนต่างๆมากกว่าไม่กระจุกเฉพาะค่ายใดค่ายหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากปริมาณความต้องการในประเทศและต่างประเทศยังมีมาก ดังนั้นนับจากนี้ไปจะมีการเข้าร่วมประมูลสู้กับค่ายอื่นๆอีกครั้ง" นายนภดลกล่าวและว่า

สำหรับงานด้านถนนในแต่ละปีบริษัทมองว่าน่าจะมีโอกาสได้เยอะมากกว่างานสร้างทางรถไฟ ที่จะใช้หมอนคอนกรีตมากกว่า ยกเว้นงานด้านโครงสร้างยกระดับ อีกทั้งวอลลูมจำนวนมาก น่าจะกะเกณฑ์จำนวนตรงๆได้ยาก หากมาดูทำเลการตั้งโรงงานถือว่าปูนเอเซียจะมีภาษีไม่น้อยเช่นกันทั้งในเขตภาคใต้ ภาคเหนือ หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สระบุรี เชื่อว่าหากเมกะโปรเจ็กต์นี้ผ่านการเห็นชอบอย่างเป็นทางการคงจะได้มีการหารือร่วมกับผู้รับเหมาชั้นนำของไทยที่ได้รับงานดังกล่าวถึงการวางแผนการผลิตให้ชัดเจนเพื่อให้รองรับปริมาณการใช้อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง"

นายนภดลกล่าวอีกว่าบริษัทยังต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมการรุกตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้านในรูปแบบความร่วมมือรัฐต่อรัฐเนื่องจากเป็นรูปแบบที่จะเกิดปัญหาน้อยมาก ความเสี่ยงไม่มี โดยบริษัทวางแผนรุกสู่ประเทศเมียนมาร์และกัมพูชามากขึ้น ซึ่งอาจจะต้องมีการร่วมลงทุนต่อกัน 

"ประเทศไทยเป็นฮับก็จริงแต่เราต้องสร้างฮับให้น่าอยู่ สะดวกสบาย เกิดประโยชน์อยู่แล้วขอเพียงต่อยอดอีกเล็กน้อยเท่านั้น ปัจจุบันไทยได้เปรียบเรื่องโลเกชันอยู่แล้ว อีกทั้งยังอยู่ในระดับแถวหน้าจึงควรส่งเสริมมากขึ้นได้อีกมาก ครบครันทั้งเครื่องมือและคุณภาพสินค้าไม่เป็นรองใคร เทคโนโลยีโดดเด่น ล่าสุดยังได้นำนวัตกรรมทันสมัยเข้ามาเสริมการผลิตและจัดระเบียบสินค้า นอกจากนั้นยังมีทรัพยากรบุคคลที่พร้อมมาก จึงได้เปรียบมากกว่าใครโดยได้นำระบบ I.nova ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับทั่วโลกมาใช้ ประกอบด้วย 11 กลุ่มสินค้า โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าถึง 5 กลุ่ม ได้แก่ i.Work, i.pro, i.tect, i.speed และ i.dro จึงสามารถสนองความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี"

นายนภดลยังกล่าวถึงการวางแผนการผลิตว่าจะพิจารณาจากดีมานด์และซัพพลาย ไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ยังมองไกลไปถึงกลุ่มประเทศอาเซียนอีกด้วย ว่ามีโอกาสมากน้อยเพียงใด ข้อจำกัดในการรุกทางธุรกิจ รัฐบาลเปิดกว้างหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันในประเทศดีมานด์เพิ่มประมาณ 7 % กำลังการผลิตในประเทศจึงยังมีอีกมาก

"โดยรวมความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศขณะนี้เติบโตจากปีก่อน 7% ช่วงปลายปีอาจจะหดตัวลงไปบ้าง คาดว่าปีหน้าจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 4% เนื่องจากการเลื่อนเวลาของเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ การขยายตัวด้านอสังหาริมทรัพย์ยังมีต่อเนื่อง รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมต่างๆจึงตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตไปในทิศทางเดียวกันกับตลาด โดยแบ่งออกเป็นการจำหน่ายปูนถุงและปูนผงในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็มองไว้ทุกเซ็กเมนต์"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,883
วันที่  29 กันยายน - 2 ตุลาคม  พ.ศ. 2556