ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
นิตยสารบ้านสุขใจ
Line
05 ก.ค.2559

มิถุนายน 2559

Line
        เดือนมิถุนายนนี้ นับเป็นเดือนสุดท้ายไตรมาส 2 และโค้งสุดท้ายครึ่งแรกปี 2559 ซึ่งอีกไม่กี่วันหลังผ่านเดือนนี้ไปแล้ว ก็คงมีหน่วยงานด้านเศรษฐกิจทั้งภาครัฐและเอกชน ออกมาสรุปภาพรวมเศรษฐกิจประเทศในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้ทราบกันว่าเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ เสียงตอบรับที่ผู้เขียนได้ยินได้ฟังจากคนรอบข้างบ้าง จากแม่ค้าห้างร้านตลาดบ้าง ฯลฯ ดูจะออกไปในโทนเสียงเดียวกัน (คงไม่ต้องบอกนะครับ) ก็ต้องยอมรับว่าทุกฝ่ายดูจะเหนื่อยกับเศรษฐกิจไปตามๆ กัน นั่นคือเสียงสะท้อนจากฟากผู้ประกอบการ สำหรับในมุมผู้บริโภคก็มีเสียงบ่นเช่นกันว่า ข้าวของแพง รายได้ไม่พอรายจ่าย ฯลฯ และสารพัดเรื่องจะบ่นกัน แต่ทุกคนก็ทำใจยอมรับว่าคงต้องอดทนกันต่อไป กับบรรยากาศเศรษฐกิจและการเมืองแบบไทยๆ 
    
        ผ่านมา 6 เดือน สำหรับผู้บริโภคและประชาชนทั่วประเทศ ที่ต้องการมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยหลังใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง โดยเลือกใช้บริการกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้านหรือศูนย์รับสร้างบ้าน พบว่าความต้องการยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนนัก หากเปรียบเทียบกับปีก่อนๆ  ทั้งนี้ปัจจัยฉุดรั้งยังคงเป็นเรื่องผลกระทบที่ได้รับจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความไม่เชื่อมั่นที่มีต่อทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต นั่นจึงทำให้ประชาชนบางส่วนไม่มั่นใจที่จะนำเงินออมออกมาใช้จ่ายเรื่องบ้าน หรือไม่กล้ากู้ยืมเงินธนาคารมาลงทุนสร้างบ้านหลังใหม่ และเมื่อตลาดที่อยู่อาศัยหรือบ้านไม่ฟื้นตัว ตลาดอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน เครื่อใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ก็พลอยฟ้าพลอยฝนโดนหางเลขและยอดขายลดลงไปด้วยกัน

        อย่างไรก็ดี คงต้องมาติดตามดูการเมืองและเศรษฐกิจกันต่อในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลประกาศเดินหน้าบังคับใช้กฎหมาย “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ฉบับใหม่แทน “ภาษีโรงเรือนและที่ดิน” ฉบับเดิมในปีงบประมาณ 2560 ทั้งนี้สาระสำคัญของกฎหมายภาษีฉบับนี้ ที่น่าสนใจคือ อัตราการเสียภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่กำหนดไว้สูงสุด 1-3% โดยแบ่งระยะเวลาออกเป็น 3 ช่วงได้แก่ หากประชาชนทิ้งไว้รกร้างว่างเปล่าในระยะเวลา 1-3 ปี อัตราเสียภาษีสูงสุดเท่ากับ 1% ต่อปี สำหรับปีที่ 4-6 อัตราภาษีสูงสุด 2% ต่อปี และปีที่ 7 ขึ้นไปอัตราเสียภาษีสูงสุด 3% ต่อปี ยกตัวอย่างเช่น ที่ดินว่างเปล่าขนาด 100 ตารางวา ราคาประเมินที่ดินตารางวาละ 1.5 หมื่นบาท คิดเป็นมูลค่า 1.5 ล้านบาท หากทิ้งรกร้างว่างเปล่านาน 7 ปี อัตราชำระภาษีสูงสุดเท่ากับ 3% ของมูลค่าที่ดิน หรือเสียภาษีเป็นเงิน 4.5 หมื่นบาท/ปี (อัยย่ะ เงินค่าภาษีไม่น้อยเชียวนะครับ)

        สำหรับ ท่านที่มีที่ดินและไม่ได้ทำประโยชน์ หรือมิได้ใช้เพื่อปลูกสร้างบ้านพักอาศัย จากนี้ไปคงจะต้องแบกรับภาษีกันพอสมควรแล้วล่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายๆ ฝ่ายต่างกังวลกับภาษีสิ่งปลูกสร้างประเภท “บ้านพักอาศัย” แต่เมื่อดูเกณฑ์และรายละเอียดการจัดเก็บภาษีแล้ว ก็ไม่ได้เป็นภาระประชาชนทั่วไปแต่อย่างใด เพราะกำหนดไว้เรียกเก็บเฉพาะบ้านที่มีมูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป กับบ้านหลังที่ 2 เท่านั้น (คนมีอันจะกิน ไม่เดือดร้อนครับ) และจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น มีความเป็นไปได้ที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของที่ดินเปล่าและปล่อยทิ่งไว้รกร้างว่างเปล่า จะหันมาทำประโยชน์บนที่ดินของตัวเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกที่จะปลูกสร้างบ้านพักอาศัย 

        แต่ทว่าประชาชนบางกลุ่ม อาจมีปัญหาเงินออมไม่เพียงพอกับค่าก่อสร้างบ้าน ผู้เขียนก็ขออนุญาตแนะนำว่าลองพิจารณา “สินเชื่อปลูกสร้างบ้าน” ของธนาคารชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์   และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ดูสิครับ อาจเป็นทางออกและทางเลือกที่ดี สำหรับการสร้างบ้านหลังใหม่ของคุณ หรือหากต้องการคำปรึกษาและความสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องการสร้างบ้านคุณภาพและสินเชื่อปลูกสร้างบ้านดี๊ดีแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้แวะเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายและผู้จัดการสาขาของ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์และเอคิวโฮม ทุกสาขาทั่วประเทศได้นะครับ

 
สิทธิพร สุวรรณสุต
ซีอีโอ พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น