30 ส.ค.2559
บี้รัฐผ่านโครงการดันอสังหาฯ
นายมานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใกล้หมดวาระ หลังจากเข้าบริหารประเทศได้กว่า 2 ปี จึงไม่กล้าที่จะตัดสินใจในโครงการสำคัญทางด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ควรเร่งผลักดันให้เกิด เนื่องจากสามารถใช้มาตรา 44 สั่งดำเนินการได้ทันที ซึ่งหากรอเวลาให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาดำเนินการนั้น อาจจะยังคงเป็นปัญหา เพราะหลายรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่ไม่สามารถดำเนินการได้
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญ 3 เรื่องหลักที่จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ ได้แก่ 1.พ.ร.บ.ร่วมทุนภาครัฐเอกชน ที่จะต้องมีการแก้ไขเรื่องวงเงินจากเดิมหากวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท ต้องเข้า ครม. จำเป็นต้องพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนเป็นเกิน 1 หมื่นล้านบาทถึงจะเข้า ครม. เนื่องจากการพัฒนาโครงการร่วมทุนมีขนาดใหญ่มากขึ้น 2.เรื่องสัญญาการเช่าที่ดินของหน่วยงานราชการจากเดิมสัญญาเช่า 30 ปี ควรจะต้องขยายเป็นระยะยาว หรือ 90 ปี โดยอัตโนมัติไม่ต้องมาขอขยายสัญญาในภายหลัง
3.จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ทำให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าออกในประเทศมากขึ้น ควรขยายสัดส่วนการถือครองคอนโดมิเนียมจากเดิมสัดส่วน 49% เป็น 75% โดยอาจจะต้องกำหนดเป็นบริเวณหรือทำเลว่าต่างชาติสามารถถือครองได้มากเท่าใด หรืออาจจะกำหนดจากระดับราคาของอาคารชุดที่เปิดขาย เช่น ระดับราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป ต่างชาติสามารถถือครองได้เกิน 49%
นอกจากนี้ จะต้องวางแผนเพื่อพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูงที่จะต้องร่วมทุนกับจีนและญี่ปุ่น โครงการ 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดชายแดน และพื้นที่ในภาคตะวันออกรวมไปถึงการพัฒนา จ.ภูเก็ต เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางด้านการประชุมและบันเทิงระดับโลก
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์