หม่อมหลวง ปราลี ประสมทรัพย์
แบบบ้าน แบบพิเศษ 2 ชั้น

ความลงตัวทางความคิดบนวิถีชีวิตไทย

Line

ภาพนี้ถูกบันทึกและเผยแพร่ ก่อนวันที่ 1 มิ.ย. 2565

          เมื่อคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนที่อยู่ใหม่จากเหตุปัจจัยใดๆก็แล้วแต่ การเลือกบ้านหลังใหม่ก็เกิดขึ้น บางคนเลือกที่จะซื้อบ้านจัดสรร เพราะสะดวก  แต่ทำเลที่ต้องการอาจจะหายากหน่อย เพราะบ้านจัดสรรมักจะอยู่นอกเมือง แต่หลายคนเลือกที่จะสร้างบ้านเอง ซึ่งคำตอบของการเลือกบ้านสร้างเองเพราะเราสามารถเลือกทำเลและแบบบ้านได้ตามความต้องการ นอกจากนี้เรายังสามารถเอาความรู้สึกใส่ลงไปในบ้านได้อีกด้วย  เหมือนกับบ้านของหนุ่มนักประชาสัมพันธ์มืออาชีพจากบริษัท 124 Communication คุณวาทิต  ประสมทรัพย์  ประธานกรรมการ บริษัท 124 Communication Consulting Company Limited  ซึ่งจบปริญญาตรี นิเทศศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโทด้านการบริหารจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนเข้าทำงานด้านครีเอทีฟ ให้กับคลื่นฮอตเวฟ และ Radio Vote โดยเป็นทีมงานแรกที่ทำ ฮอตเวฟ มิวสิค อวอร์ด 

          จากนั้นได้เข้ามาทำงานด้านการประชาสัมพันธ์และมาร์เก็ตติ้งให้กับ TOT ก่อนที่จะได้รับการติดต่อจาก CEO ของ 124 Communication ซึ่งเป็นบริษัทประชาสัมพันธ์ เชิญเข้ามาร่วมงาน ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์เมื่อปี 2548  ดูแลลูกค้าทั้งภาครัฐ อาทิ แบงก์ชาติ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วุฒิสภา นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจากหน่วยงานเอกชนอีกหลายธุรกิจ จนขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท  เมื่อปี 2553 มาจนถึงปัจจุบัน 

          ด้านครอบครัวสมรสกับนางวริศรา  ประสมทรัพย์ ที่จบการศึกษาปริญญาตรีนิเทศศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโทด้านการจัดการภาครัฐและเอกชนจาก นิด้า ซึ่งปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัวด้านสมุนไพร โดยเปิดร้านชื่อ วริษา ที่เดอะมอลล์ รามคำแหง 

           คุณวาทิต  เปิดบ้านหลังงามต้อนรับทีมงาน DROOM พร้อมเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการมีบ้านหลังแรกว่า หลายคนมองว่าเป็นการเริ่มต้นของสร้างครอบครัว บางคนบอกเป็นการแยกครอบครัวออกมาแต่กับคุณวิทิตเองจุดเริ่มต้นของบ้านหลังแรกอาจจะไม่เหมือนใครเพราะเกิดจากการที่คุณแม่(หม่อมหลวง ปราลี  ประสมทรัพย์) ที่เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของพระยาเทวาธิราช(ม.ร.ว.เทวาธิราช  ป.มาลากุล)และมีพี่น้องที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แถวราชเทวี พื้นที่ประมาณ 7 ไร่ แต่ด้วยการที่เมืองขยายตัวเพิ่มขึ้นทำให้สิ่งแวดล้อมภายนอกเปลี่ยนไป ทั้งการจราจร อาคารสูงที่ผุดขึ้น รวมถึงมลภาวะที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทำให้ตัดสินใจขายพื้นที่ดังกล่าวและพี่น้องของคุณแม่ต่างก็ไปหาพื้นที่ใหม่ที่สะดวกและตรงกับความต้องการ ซึ่งคุณแม่ก็มาซื้อดินเปล่าที่ซอยอารีย์ พื้นที่ประมาณ 144 ตร.ว. เมื่อปี 2549 ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีความสะดวกสบาย อยู่ใจกลางเมือง การเดินทางก็สะดวก ทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

          แล้วทำไมไม่ซื้อบ้านจัดสรรเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ก็เพราะคุณแม่ไม่ชอบอะไรที่เหมือนใคร เพราะบ้านจัดสรรส่วนใหญ่รูปแบบบ้านจะเหมือนกันทั้งโครงการ นอกจากนี้บ้านจัดสรรส่วนใหญ่มักจะอยู่นอกเมือง รวมถึงการที่เราไม่สามารถเลือกวัสดุที่ใช้ได้เอง อีกอย่างคุณแม่ต้องการความเป็นส่วนตัว และเมื่อเราหาที่ดินได้ในทำเลที่เราต้องการแล้วการหาคนที่จะมาสร้างบ้านก็ตามมาเป็นลำดับต่อไป 

          “เมื่อเราต้องการปลูกสร้างบ้านเองการหาบริษัทรับสร้างบ้านจะต้องมีการศึกษาอย่างละเอียด เลือกบริษัทที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับ ซึ่งระหว่างที่หาอยู่ก็ได้รับคำแนะนำจาก ดร.กุณฑลทิพย์  พาณิชภักดิ์ ซึ่งเป็นหลานคุณแม่ และเป็นอาจารย์อยู่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ให้ใช้บริการของ พีดีเฮ้าส์ เพราะเชื่อมั่นว่ามีมาตรฐานและมีฝีมือเป็นที่ยอมรับ”


          หลังจากได้ติดต่อกับ พีดีเฮ้าส์ ทางทีมงานได้นำแบบบ้านมาให้เลือกมากมาย แต่เนื่องจากที่ดินผืนดังกล่าวเป็นลักษณะหน้าแคบและลึกทำให้แบบบ้านที่มีให้เลือกยังไม่ตรงกับใจมากนัก ทางบริษัทก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาออกแบบให้ใหม่ให้ตรงกับความต้องการของเราและสอดคล้องกับวิถีชีวิตผู้อยู่อาศัย ซึ่งบ้านหลังนี้จะเป็นรูปแบบ Modern Thai Contemporary พื้นที่ใช้สอย 450 ตร.ม. และได้มีการปรับเปลี่ยนวัสดุบางอย่าง เช่นราวบันไดและพื้นที่เปลี่ยนมาใช้ไม้จริง หรือแม้กระทั่งโคมไฟ โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปีครึ่ง ซึ่งระหว่างการก่อสร้างบ้านจะมีความรู้สึกผูกพัน ต้องมาดูตลอดตั้งแต่ฐานราก และได้พูดคุยกับวิศวกรรวมถึงโฟร์แมน ซึ่งก็ได้รับคำอธิบายและคำแนะนำมาตลอด ทำให้เราได้เรียนรู้ด้านการก่อสร้างไปด้วย และพอบ้านก่อเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเราก็ได้เรียนรู้ในเรื่องวัสดุจากสถาปนิกผู้ออกแบบรวมถึงจากทีมงานพีดีเฮ้าส์ด้วย เพราะบ้านหลังนี้ไม่ได้เป็นแบบมาตรฐานแต่เป็นบ้านแบบพิเศษ เพราะเป็นการผสมผสานความรู้สึกของเรารวมถึงเอาความเป็นไทยใส่เข้าไปด้วย โดยหลังจากบ้านเสร็จสมบูรณ์ยิ่งทำให้เรารู้สึกภูมิใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะมันเป็นการสานต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวให้ยั่งยืน 

          กับคำถามที่ว่าเมื่อได้บ้านตรงตามความต้องการแล้ว รู้สึกอย่างไรกับคนที่มาสร้างบ้านให้เรา  ซึ่งทางทีมงาน DROOM ก็ได้รับตอบทันทีว่า รู้สึกประทับใจพีดีเฮ้าส์ เป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการดูแลลูกค้า ความเป็นกันเอง เข้าใจอารมณ์ของคนสร้างบ้าน รวมถึงการแก้ไขในทุกเรื่อง และเมื่อเทียบกับคนที่ปลูกสร้างบ้านรายอื่นของเราแทบจะไม่พบปัญหาเลย 

          พร้อมกันนี้คุณวาทิต ยังได้ฝากถึงคนที่กำลังจะสร้างบ้านให้เปรียบเทียบอารมณ์และเหตุผลด้วย ให้ดูนิสัยของตัวคุณกับบริษัทรับสร้างบ้านว่าไปด้วยกันได้ไหม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแบบบ้าน การปรับเปลี่ยนแบบบ้านเพราะว่าทั้งตัวเราและบริษัทรับสร้างบ้านต้องทำงานร่วมกันนานเป็นปี ป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลัง นอกจากนี้การเลือกบริษัทรับสร้างบ้านจะต้องดูวัสดุ-อุปกรณ์ที่นำมาใส่ในบ้าน รวมถึงผลงานที่ผ่านมาของบริษัทเหล่านั้นด้วยว่าเป็นอย่างไร เสียงตอบรับดีแค่ไหน ซึ่งเมื่อเราได้บ้านตรงกับใจความภูมิใจก็จะเกิดอย่างเต็มที่สมกับการรอคอย

  • เรื่อง : กองบรรณาธิการ บ้านสุขใจ
  • ภาพ : บ้านสุขใจ
  • เจ้าของ : หม่อมหลวง ปราลี ประสมทรัพย์
  • แบบบ้าน : แบบพิเศษ 2 ชั้น
  • รางวัลที่บ้านนี้เคยได้รับ : -
  • ออกแบบ : บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
  • ก่อสร้าง : ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์