ที่มาของบ้านแห่งรักหลังนี้ “คุณประเสริฐ” เล่าว่า เดิมทีไม่ได้มีบ้านเป็นของตนเอง เนื่องจากเป็นพนักงานบริษัทจึงเช่าบ้านอาศัยอยู่ในตัวเมือง จนเมื่อมีครอบครัวจึงเริ่มมองถึงอนาคต และคิดจะปลูกสร้างบ้านของตัวเอง หลังจากทำงานเก็บหอมรอมริบมาหลายปี ก็ได้มาซื้อที่ดินเก็บไว้ประมาณ 1 ไร่ 43 ตารางวา บริเวณนอกเมือง ซึ่งเดิมเป็นผืนนาจึงต้องถมดินทิ้งไว้ และกว่าจะสร้างบ้านหลังนี้ก็ใช้เวลาอีก 2 ปี สำหรับที่ดินที่ใช้ปลูกบ้านประมาณ 70-80 ตารางวา โดยพื้นที่ใช้สอยของบ้านประมาณ 247 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 

           “เราพยายามหาข้อมูลของบริษัทรับสร้างบ้านมาหลายแห่ง  ซึ่งในจังหวัดสระบุรีส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้รับเหมามากกว่า จากประสบการณ์ของคนรอบข้างที่ได้ใช้บริการผู้รับเหมาเป็นผู้ปลูกสร้าง ก็มักจะพบกับปัญหาต่างๆ นานา ทำให้เราค่อนข้างจะกังวลใจพอสมควร เนื่องจากเป็นบ้านหลังแรกในชีวิตที่เราตั้งใจจะสร้าง พยายามตระเวนหาบริษัทรับสร้างบ้านอยู่หลายบริษัท จนในที่สุดก็มาเจอ พีดีเฮ้าส์ สาขาสระบุรี ก็ได้เข้าไปสอบถามและปรึกษาเรื่องการสร้างบ้าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี พูดรายละเอียดอย่างตรงไปตรงมาจนมั่นใจ จึงตัดสินใจให้ พีดีเฮ้าส์ สร้างบ้านให้เรา”

          สำหรับตัวบ้าน “คุณประเสริฐ” เล่าว่า เดิมมีแบบบ้านของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว เป็นแบบบ้านที่เรียบๆ ไม่มีความพิเศษอะไร ตั้งใจจะสร้างเป็นบ้าน 2 ชั้น และอยากให้ตัวบ้านมีความโปร่ง โล่ง สบาย ทางทีมงาน พีดีเฮ้าส์ จึงได้แนะนำและปรับแบบบ้านให้ใหม่ เพื่อใกล้เคียงกับความต้องการของเรามากที่สุด ซึ่งแบบบ้านที่เสร็จออกมาถือว่าประทับใจมาก นอกจากนี้ยังได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่จอดรถ ให้เป็นห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่ และขยายด้านหลังของบ้านให้เป็นห้องรับแขก ห้องครัว และโรงจอดรถ 2 คัน เพิ่มพื้นที่ใช้สอยมาอีกประมาณ  50 ตารางเมตร โดยบริเวณรอบตัวบ้าน เราได้ปลูกพืชผักสวนครัว เช่น พริก โหระพา ใบกะเพรา ฯลฯ และไม้กินผลอย่าง มะม่วง ฯลฯ เอาไว้

          ความพิเศษของบ้านหลังนี้คือ จะมีลมเย็นพัดผ่านตลอดเวลา เข้ากับความโปร่งของตัวบ้าน และสีที่ทาง “คุณสุวัทนา” ใช้เป็นโทนสีอ่อนดูแล้วเพลิดเพลินและสบายสายตา รวมทั้งการจัดข้าวของภายในบ้าน ก็เน้นความเป็นระเบียบ เพื่อเพิ่มความน่าอยู่ขึ้นมาก เมื่อมองออกไปนอกตัวบ้าน ก็ยังพื้นที่แต่งเป็นสวนและมุมพักผ่อนของครอบครัวอีกด้วย 

          “คุณสุวัทนา” หรือคุณปู บอกว่า การตกแต่งจัดสวนนั้น จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะเพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเมื่อช่วงต้นปี 2555 นี้เอง จึงยังดูไม่ค่อยลงตัวเท่าไรนัก แต่เธอตั้งใจว่า จะนำเอาศาลาพักผ่อนมาตั้งไว้หน้าบ้าน และจัดตกแต่งเป็นสวนสวยเล็กๆ สำหรับนั่งเล่น รับลมชมวิวกับบรรยากาศภายนอกที่ยังคงเป็นทุ่งนา ซึ่งยังมีความเป็นธรรมชาติและหายใจได้อย่างชุ่มปอด

          “สำหรับสมาชิกในครอบครัวเราจะมี คุณประเสริฐ  ปู น้องแสตมป์ และคุณพ่อคุณแม่ รวม 5 คน ซึ่งแต่ละคนจะมีมุมส่วนตัว อย่างคุณพ่อคุณแม่จะไปอยู่ตรงห้องรับแขกเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเรา 3 คนก็จะมีมุมหน้าบ้านและห้องโถง สำหรับทำกิจกรรมกัน ในช่วงวันหยุดหรือหลังเลิกงาน พื้นที่ทุกตารางนิ้วเรียกว่าครอบครัวเราใช้หมด และสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เข้ากับการใช้งานได้ตลอด ซึ่งทางพีดีเฮ้าส์ได้ออกแบบมาอย่างลงตัวมาก”

          สำหรับ น้องแสตมป์ ลูกสาวคนเดียวของบ้าน คุณแม่ปู บอกว่า ไม่ว่าจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนๆ สุดท้ายแล้วก็ต้องขอกลับมานอนที่บ้าน ซึ่งจากที่ได้สัมผัสพูดคุยกับครอบครัวนี้ ทำให้ทราบถึงความอบอุ่น และความผูกพันของบ้านหลังงามหลังนี้ขึ้นอีกมากทีเดียว

          นี่คงจะเป็นคำตอบทีชัดเจนแล้วว่า “บ้าน” คือศูนย์รวมของพลังรัก ดังนั้น การสร้างบ้านแต่ละหลัง จึงไม่ใช่เพียงแค่สร้างเพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น แต่ต้องเป็นบ้านที่อยู่แล้วมีความสุข โดยมีความรัก ความห่วงใย และความเอื้ออาทรระหว่างกันเอาไว้ด้วย

          คุณประเสริฐและสุวัทนา ฝากทิ้งท้ายว่า  “สำหรับคนที่กำลังจะปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ เราอยากให้คุณศึกษาข้อมูลของบริษัทรับสร้างบ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะในชีวิตคนเราอาจสร้างบ้านได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นจึงต้องใช้เวลากับมันสักนิด เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งผิดหวังหรือเสียใจกับผลที่ตามมา”