ศ.ทพ.วัฒนะ มธุราสัย
แบบบ้าน แบบบ้านพิเศษ

สานฝัน..ปันอนาคต..!

Line
ภาพนี้ถูกบันทึกและเผยแพร่ ก่อนวันที่ 1 มิ.ย. 2565


 

        ในชีวิตหนึ่งกว่าคนเราจะสร้างฝันของตนเอง..ให้สำเร็จได้ ต้องใช้เวลา และความพากเพียรมาตลอดชีวิต แต่หากเราเดินมาบนเส้นทางฝันที่เห็นว่าอยู่ไม่ไกลแค่เอื้อมก็จะถึงปลายทางของความฝันแล้ว ..แต่ต้องมาสะดุด ล้มลงก่อนถึงจนปลายฝันเอาง่ายๆ เพราะตัดสินใจเลือกองค์ประกอบของเส้นทางที่ผิดพลาด 

        เช่นเดียวกับการสร้างบ้าน หากเลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านผิด ตัดสินใจผิด ฝันที่จะมีบ้านของตนเองก็จบลงจากความผิดพลาดที่เราคิดเคยคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย..อาจทำให้วันเวลาที่อุส่า..! สร้างมาจบสิ้นลง แต่สำหรับ ศาสตร์ตราจารย์ทันตแพทย์วัฒนะมธุราสัย ประธานมูลนิธิ ศ.ทพ.วัฒนะมธุราสัย กับคำยืนยัน ที่สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าวันนี้ การตัดสินใจเลือกสร้างฝันจากการใช้บริการของ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือ พีดี เฮ้าส์ นั้นคือทางเลือกที่ดีที่สุดกับการสานฝัน..ปันอนาคต ให้กับลูกศิษย์ ตามที่ตั้งใจไว้

         “ถ้าผมมีเงินอีกหน่อยคิดว่าจะให้ พีดีเฮ้าส์ สร้างหลังใหม่ให้อีกสักหลัง แต่ตอนนี้เงินยังไม่พอ เพราะที่ดินที่ติดกับศูนย์ทันตกรรมจัดฟันสยาม นครอินทร์ในแปลงข้างๆ ราคาขยับขึ้นไปสูงมาก จากที่ก่อนหน้านั้น ผมซื้อที่ดินแปลงที่สร้างของศูนย์ทันตกรรมฯแห่งนี้เข้ามาราคาไร่ละ 16 ล้านบาท แต่ตอนนี้ขยับขึ้นไปอยู่ไร่ละ 20 ล้านบาทแล้ว ถ้าจะต้องซื้อที่ดินเพิ่มอีก 2 ไร่ และสร้างอาคารใหม่ก็น่าจะใช้เงินประมาณ 40 - 60 ล้านบาทได้ ” ศาสตราจารย์ทันตแพทย์ วัฒนะ มธุราสัย (คุณหมอวัฒนะ) กล่าวถึงแผนการขยายศูนย์ทันตกรรมฯในอนาคต อย่างอารมณ์ดี..!

       สำหรับศูนย์ทันตกรรมฯ แห่งนี้ ตั้งใจว่าจะยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิศ.ทพ.วัฒนะมธุราสัย และใช้เป็นที่ตั้ง สมาคมทันตกรรมจัดฟันและการวิจัยแห่งประเทศไทย ตลอดจนเป็นที่ตั้งชมรมศิษย์เก่าศูนย์ทันตกรรมจัดฟันสยาม ซึ่งผมได้ทำพินัยกรรมว่าไม่ให้มีการซื้อขาย แต่จะทิ้งไว้ให้ลูกศิษย์ไว้ใช้ประโยชน์ ไว้ใช้สอนคนรุนใหม่ เป็นสถานที่ทำมาหากินของลูกศิษย์รุ่นต่อๆ ไป เมื่อได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่ทำมาหากิน … ที่เป็นอย่างนี้เพราะผมไม่มีทายาทสานต่อศูนย์ทันตกรรมฯแห่งนี้ เนื่องจากลูกชายและลูกสาวทั้ง2คน ไม่ได้จบมาด้านนี้ โดยลูกชายจบวิศวกรรมศาสตร์ ลูกสาวจบเภสัชกร ทำให้ไม่มีใครสามารถสานต่องานที่นี้ได้เลย


       คุณหมอวัฒนะ เล่าว่าก่อนหน้าที่ตัดสินใจสร้างศูนย์ทันตกรรมฯ นั้น ไม่เคยรูจักชื่อ พีดีเฮ้าส์ เลย แต่ที่ตัดสินใจมาใช้บริการสร้างบ้านกับ พีดีเฮ้าส์ เพราะได้รับการแนะนำจากพี่สาวที่เคยใช้บริการสร้างบ้านกับ พีดีเฮ้าส์ มาก่อน ตอนแรกๆ ก็ไม่แน่ใจว่าบริษัทนี้จะเป็นคำตอบ..หรือเปล่า เพราะเราสร้างออฟฟิศทันตแพทย์ ไม่ได้สร้างบ้าน แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับ “คุณสุพร สุวรรณสต” เจ้าหน้าที่ของบริษัทที่เข้ามาแนะนำและแลกเปลี่ยนความคิดกัน ได้ดูแบบ และพูดคุยถึงมาตรฐานงานก่อสร้างต่างๆ ก็ตัดสินใจใช้บริการของ พีดี เฮ้าส์

       โดยผมเลือกแบบก่อสร้าง F-202 และมีการปรับแบบของตัวอาคารนิดหน่อย ซึ่งหลังจากที่ปรับแบบออกมาแล้วก็ทำได้ดี.. ดีมาก และ หลังจากที่งานก่อสร้างเริ่มก็ยิ่งมั่นใจกับมาตรฐานการทำงาน การตรวจสอบงาน และประทับใจมาก การตรวจงานและความรวดเร็วในการก่อสร้าง โดยเฉพาะบริการหลังการขายที่มีการเข้ามาติดต่อสอบถาม และติดตามดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะส่งมอบงานให้ลูกค้าแล้ว ...ทำให้ผมกล้าการันตีมาตรฐานและบริการกับคนไข้ที่มารักษาฟันและจัดฟันกับผม 

       “ผมแนะนำคนไข้ที่ต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง ซึ่งมาทำฟันกับผมไปหลายๆ ราย ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 5 รายที่ใช้บริการสร้างบ้านกับพีดี เฮ้าส์ จากคำแนะนำของผม ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ พีดีเฮ้าส์ ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเพราะยังคงเสมอต้น เสมอปลาย ติดตามดูแลลูกค้า ทั้งก่อน และหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ...นี่เองที่ทำให้ผมประทับใจ และคิดว่าถ้ามีเงินก้อนมากพอที่จะซื้อที่ดินแปลงข้างๆ เพื่อขยายศูนย์ทันตกรรมฯออกไปอีก ก็ยืนยันว่าจะยังใช้บริการของ พีดีเฮ้าส์ แน่นอน”  คุณหมอวัฒนะ เล่าว่าก่อนที่จะมาถึงวันนี้ ต้องผ่านอะไรมามากมาย ทั้งชีวิตในช่วงเรียน การทำงาน และแรงผลักดันที่ทำให้ตัดสินใจมาสร้างศูนย์ทันตกรรมจัดฟันสยาม นครอินทร์ในทุกวันนี้ โดยคุณหมอวัฒนะ เล่าย้อนถึงอดีตให้ฟังว่า หลังจากที่จบกาศึกษาระดับ ม.8 หรือเทียบเท่ากับระดับเตรียมอุดมในปัจจุบัน ก็สอบ Entrance เข้ามาศึกษาต่อในคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล (มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์แห่งแลกของประเทศ) ต่อมาหลังจากจบการศึกษาในคณะทันตแพทย์ คณะบดีก็ได้เรียกตัวเข้าพบ เพื่อชักชวนให้เข้ามาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย 

“ตอนนั้นอาจารย์หมอ คงเห็นหน่วยก้าน...ฝีไม้ลายมือผม เพราะเกรดการเรียนที่ออกมาดีมาก”
 
       แต่ผมก็ปฏิเสธไป เพราะตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตอนนั้นอาจารย์หมอจะให้ผมเป็นอาจารย์สอนใส่ฟัน แต่ผมตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อด้านการจัดฟันที่ School of Dental Medicine University of Pittsburgh Pennsylvania,U.S.A. และหลังจากที่ไปศึกษาต่อจนจบการศึกษาที่นั่น โปรเฟชเซอร์ (อาจารย์หมอ)..ที่นั้นก็ขอให้อยู่เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยต่อ แต่ด้วยความที่ห่างบ้านไปไกลคิดถึงบ้านจึงตัดสินใจกลับมาเมืองไทย ในเวลานั้นหลังจากกลับมาเมืองไทยใหม่ๆ หลังจากจบการศึกษากลับมา ไฟแรงมากๆ... “เรียกว่าตามภาษาชาวบ้านก็... ร้อนวิชา” เมื่อกลับมาเมืองไทยแล้วก็ได้เข้ามาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นมหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากที่สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ได้ระยะหนึ่ง ก็ได้มีโอกาสเข้ามาสอนที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะในช่วงนั้นบุคคลากรที่มีความชำนาญในด้านการจัดฟันในประเทศไทยยังมีจำนวนน้อยมาก ตั้งแต่นั้นมาก็ได้เข้ามารับตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำภาควิชา และเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาควิชาทัตกรรมศาสตร์ สอนนักศึกษาต่อเนื่องมาจนใกล้เกษียณอายุ ก็มาได้ตำแหน่งเป็นรองคณบดีและอยู่ในตำแหน่งมาประมาณ 10 ปีจนเกษียณอายุราชการ

         ช่วงเวลาที่เข้ามาสอนนักศึกษาแรกๆ หลังการศึกษาแล้วกลับมาเมืองไทยนั้น “อย่างที่บอกไฟแรงมาก ๆ” จึงเสนอให้ทางมหาวิทยาลัยเปิดหลักสูตรปริญญาโท ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อหลักสูตรว่า ทันตแพทย์ศาสตร์มหาบัญฑิต (ทม.) ซึ่งก็ได้รับการอนุมัติให้เปิดหลักสูตรนี้ แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อหลักสูตรการสอนใหม่ เป็นวิทยาศาตร์ทันตแพทย์ศาสตร์มหาบัญฑิต (วทม.) ซึ่งผมในฐานะผู้ก่อตั้งก็ได้ต่อต้านเรื่องการเปลี่ยนชื่อหลักสูตร แต่ก็ไม่เป็นผลทำให้ในปัจจุบันยังคงใช้ชื่อหลักสูตร วทม. ...! “สาเหตุที่ต่อต่านไม่ให้เปลี่ยนชื่อหลักสูตรนั้นเพราะ ความหมายของชื่อนั้นมีความสำคัญต่างกัน โดยหลักสูตร ทม.นั้น มีความหมายเฉพาะและ มีศักดิ์ศรีมากกว่า แต่ชื่อหลักสูตร วทม.นั้นเป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ ซึ่งความหมายและศักดิ์ศรีนั้นดูอ่อนด้อยลง”

        คุณหมอวัฒนะ เล่าต่อถึงแนวคิดการเปิดศูนย์ทันตกรรมฯว่า หลังจากเกษียณอายุราชการออกมา ก็มีลูกศิษย์จำนวนมากขอให้กลับไปสอนต่อ แต่ด้วยความรู้ศึกส่วนตัวที่อยากจะสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทิ้งไว้ให้ลูกศิษย์ ลูกหา ให้ใช้ทำมาหากิน และเป็นแหล่งให้ข้อมูลตลอดจนให้ความรู้ ให้การเรียนการสอน เทคนิคพิเศษ จากประสบการณ์ในวิชาชีพ ตกทอดไว้ให้ลูกศิษย์ “เป็นชิ้นเป็นอัน” จึงชักชวนลูกศิษย์หลายๆคนมานั่งคุยกันถึงแนวคิดการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนในแบบของมหาวิทยาลัยของเอกชน และหาที่ทำตั้งที่ทำการเปิดสอนหลักสูตร พร้อมกับให้บริการรักษาฟัน จัดฟัน ซึ่งเป็นเหมือนห้องเรียนของลูกศิษย์ไปด้วยในตัว จากการพูดคุยกับลูกศิษย์หลายๆคนก็ได้ข้อสรุปว่าจะเปิดหลักสูตรเอกชนขึ้น ซึ่งขณะนั้นหลังจากที่ตกลงจะเปิดหลักสูตรดังกล่าว ก็ถูกต่อต้านจากนักวิชาการและกลุ่มแพทย์ ทันตแพทย์จำนวนมาก แต่รูปแบบการเปิดหลักสูตรเอกชนนี้ในประเทศที่เจริญแล้วก็มีการเปิดหลักสูตรในรูปแบบนี้อย่างแพร่หลาย และไม่ได้ส่งผลกระทบหรือปัญหาอย่างที่นักวิชาการ และทันตแพทย์หลายๆคนกังวล และในที่สุดผมก็เปิดหลักสูตรจนสำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในเมืองไทย และดำเนินการสอนมาจนถึงปัจจุบัน
 

        ซึ่งในการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนและเปิดให้บริการรักษา และจัดฟันนั้น ผมได้เช่าพื้นที่ในอาคารมหาทุนพลาซ่า ใกล้แยกเพลินจิต เป็นที่ทำการเป็นที่แรก ต่อมาเมื่อมีลูกศิษย์สมัครเรียนจำนวนมากขึ้น ... มีคนไข้มาใช้บริการมากขึ้น...ก็เห็นว่า สถานที่ทำการเริ่มคับแคบไป จึงเปิดสาขาที่ทำการเพิ่ม โดยได้เข้ามาเช่าพื้นที่ในย่านสยามสแควร์เปิดที่ทำการเพิ่มอีก 1 สาขา ซึ่งหลังจากให้บริการได้ระยะหนึ่งก็ปรากฏว่ามีคนมาใช้บริการเพิ่มขึ้นจนสถานที่คับแคบเหมือนกับสาขามหาทุนพลาซ่า จึงได้ขยายสาขาเพิ่มอีก 1 แห่ง ในย่านถนนจรัญสนิทวงศ์ และรูปการณ์ก็เหมือนเดิม คือพื้นที่ไม่พอให้บริการ นอกจากนั้นถนนในย่านดังกล่าวก็มีการจราจรที่แออัด ไม่มีที่จอดรถ ในที่สุดก็ได้มาหารือกับลูกษิศย์ว่าจะหาพื้นที่ทำการและเปิดเป็นศูนย์ทันตแพทย์ ที่มีขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งถาวร รวมถึงจะใช้เป็นที่ทำการสมาคมมูลนิธิ ศ.ทพ.วัฒนะมธุราสัย ในพื้นที่เดียวกัน ก็หาทำเลที่ตั้งหลายๆ ที่ จนมีลูกศษย์คนนึงมาบอกว่ามีที่ดินแปลงนึง ในย่านพระราม 5 เลียบถนนนครอินทร์ ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ อนาคตจะมีบ้านจัดสรรเปิดโครงการจำนวนมาก การเดินทางก็สะดวก เชื่อมต่อการเดินทางเข้ามาเมืองได้หลายๆ เส้นทาง หลังจากนั้นเมื่อได้มาดูที่แปลงที่ตั้งของศูนย์ทันตกรรมจัดฟันสยาม นครอินทร์ปัจจุบัน และพูดคุยราคากันแล้วเห็นว่าไม่แพงมากจึงตัดสินใจซื้อที่ดิน และก่อสร้างศูนย์ทันตกรรมฯขึ้น จนกลายเป็นศูนย์ทันตกรรมฯ ในปัจจุบัน 

        คุณหมอวัฒนะกล่าวว่า ตอนแรกก็หาคนมาสร้างศูนย์ฯแห่งนี้อยู่นานก็หาไม่ได้ซักที.... จนพี่สาวมาแนะนำ ให้ปรึกษา พีดีเฮ้าส์ เพราะพี่สาวเคยสร้างบ้านกับบริษัทนี้ ซึ่งก็เป็นความโชคดีของผมที่ได้มาเจอกับ “คุณสุพร สุวรรณสุต” ที่มาเป็นผู้แนะนำและให้คำปรึกษา เลยตัดสินใจใช้บริการก่อสร้างศูนย์ทันตกรรมแห่งนี้กับ พีดีเฮ้าส์ ซึ่งก็ถือว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกใช้บริการบริษัท และถ้าจะสร้างอาคารเพิ่มผมก็จะยังใช้บริการของพีดี เฮ้าส์ ต่อ “ปกติแล้ว..คนสร้างบ้านที่เห็นๆมา แทบทุกรายต้องทะเลอะกับผู้รับเหมาไม่ก็ทะเลอะกับช่าง ตั้งแต่เริ่มงานจนกว่าจะส่งมอบบ้านไม่ก็ทะเลอะกันจนต้องเปลี่ยนผู้รับเหมารายใหม่ไปเลย หรือบางรายหลังจากส่งมอบบ้านแล้วก็ออกปากว่าจะไม่ใช้บริการกับผู้รับเหมารายนี้อีกแล้ว แต่กับที่นี้ “พีดีเฮ้าส์” เป็นเรื่องแปลกที่ผมไม่มีอะไรที่ทะเลอะกันเลย …! ไม่ได้ชมนะ แต่นี่เป็นเรื่องจริง ..เค้าดูแลดีจริงๆ เพราะแม้ว่าผมสร้างกับเค้าตั้งนานแล้ว ทุกวันนี้ยังแวะเวียนมาดูแลผมอย่างดี บางทีมาตรวจอาคารให้แล้วบอกว่าตรงโน้น ตรงนี้มีปัญหาหรือเปล่า จะให้ทุบทำให้ใหม่มัย... ไอ้เราก็เห็นว่าดีแล้ว ยังมาบอกว่ามันจะมีปัญหาในอนาคต จะทำให้ใหม่ ...ผมบอกไม่เอาๆๆ เกรงใจ... ก็บริการดีอย่างนี้ ทำให้ทุกวันนี้เราคบกันเป็นเหมือนเพื่อน ต่างกับคนอื่นๆที่สร้างบ้านแล้วไดศัตรู..แต่ผมสร้างกับ พีดีเฮ้าส์ แล้วได้เพื่อน...”คุณหมอวัฒนะกล่าวทิ้งท้าย
 

 

  • เรื่อง : กองบรรณาธิการบ้านสุขใจ
  • ภาพ : บ้านสุขใจ
  • เจ้าของ : ศ.ทพ.วัฒนะ มธุราสัย
  • แบบบ้าน : แบบบ้านพิเศษ
  • รางวัลที่บ้านนี้เคยได้รับ : -
  • ออกแบบ : บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
  • ก่อสร้าง : ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์