หน้าแรก / สาระน่ารู้ / เกร็ดความรู้
เกร็ดความรู้
หน้าแรก / เกร็ดความรู้

10 ดอกไม้จัดสวน ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง หอมจรุงไปทั่วทั้งบ้าน

Line

10 ดอกไม้จัดสวน ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง หอมจรุงไปทั่วทั้งบ้าน

Line

          เผย 10 รายชื่อดอกไม้มีกลิ่นหอม ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน ไม้ดอกจัดสวนหลากสีแถมมีกลิ่นหอม มีต้นใดน่าปลูกบ้าง ปลูกแล้วโชคดีเป็นมงคลมาดูกันค่ะ





          หากวันนี้กำลังหารายชื่อดอกไม้มีกลิ่นหอมอยู่ละก็ วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวมดอกไม้มีกลิ่นหอม ทั้งดอกไม้สีเหลือง ดอกไม้สีขาว ดอกไม้มงคล รวมถึงดอกไม้ไทยมีกลิ่นหอม ที่ส่งกลิ่นหอมจรุงในตอนกลางวันหรือตอนกลางคืนมาฝากกันแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าไม้ดอกจัดสวนชนิดใดมีกลิ่นหอม ตามไปดูรายชื่อดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม ส่งกลิ่นหอมฟุ้งจรุงไปทั่วทั้งบ้านเหล่านี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ  



1. จำปี 

          จำปี ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ออกดอกเดี่ยว ยาวเรียว สีเหลืองครีมตามซอกใบ เป็นดอกไม้อันดับต้น ๆ ที่คนมักจะนึกถึงเวลาพูดถึงดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม ซึ่งนอกจากจะเด่นในเรื่องกลิ่นหอมฟุ้งเวลามีลมพัดผ่านแล้ว ดอกจำปียังนิยมเอามาร้อยมาลัยหรือใช้เป็นยาบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ บรรเทาอาการไอ และช่วยบำรุงหัวใจได้

          ซึ่งถ้าหากคุณอยากจะปลูกต้นไม้ชนิดนี้ แนะนำให้เริ่มปลูกในช่วงปลายฤดูฝน เพราะการปลูกในช่วงปลายฤดูฝนจะช่วยให้ต้นเจริญเติบโตได้ง่าย ใช้เวลาเพียง 1 ปีหน่อย ๆ ก็ออกดอกแล้ว และในช่วงที่ปลูกอย่าลืมใส่ปุ๋ยคอกและรดน้ำทุกวัน วันละหนึ่งครั้ง หรือถ้าหากวันไหนอากาศแห้งแล้งหน่อย จะรดน้ำวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น ก็ไม่มีปัญหา แต่ควรระวังอย่าให้มีน้ำขังล่ะ

          แล้วถ้าคุณเป็นคนที่เกิดวันจันทร์ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ อย่าพลาดที่จะปลูกต้นจำปีไว้ที่บ้านเชียว เพราะมีความเชื่อกันว่า ต้นจำปีเป็นต้นไม้มงคลมีกลิ่นหอม ที่ช่วยเสริมให้คนที่เกิดในวันดังกล่าวมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า และประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น       

          - ต้นจำปี..กลิ่นหอมฟุ้งจรุงสวน



 

2. มะลิก้านแดง  

          มะลิก้านแดงเป็นไม้พุ่มเลื้อยขนาดกลาง เลื้อยได้ไกล 3-4 เมตร ออกดอกสีขาวเป็นช่อที่ปลายยอด มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ในตอนเย็นถึงตอนกลางคืน ออกดอกทั้งปี ทำให้คนไทยนำดอกมะลิก้านแดงไปสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยกันบ่อย ๆ แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะดอกมะลิยังสามารถนำไปทำเป็นยาสมุนไพรแก้ปวดเมื่อยและเคล็ดขัดยอกได้ด้วย นอกจากนี้ต้นมะลิก้านแดงยังเป็นพืชที่มีชื่อเรียกหลายชื่อมาก ๆ เช่น พุทธชาดก้านแดง มะลิก้านยาว มะลิเขียว หรือมะลิฝรั่งเศส ถ้าเวลามีคนพูดชื่อเหล่านี้ที่ไหน ก็อย่าได้สับสนไป เพราะมันคือต้นเดียวกันนั่นเอง

          ส่วนวิธีการปลูก ต้นมะลิก้านแดงสามารถโตได้ดีในดินทุกชนิด แต่จะมีคุณภาพมากหากใช้ดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี โดยวิธีการขยายพันธุ์ที่นิยมที่สุด คือการตอนกิ่ง และถ้าหากใครอยากให้ต้นมะลิออกดอกใหญ่และเยอะ ขอแนะนำให้ตัดแต่งทรงเป็นประจำ จะทำให้ออกดอกถี่และมีขนาดดอกใหญ่ขึ้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะมะลิก้านแดงเป็นต้นที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ได้ดีมาก




 

3. แก้วเจ้าจอม

          แก้วเจ้าจอม เป็นไม้พุ่มทรงค่อนข้างกลม ขนาดกลาง ออกดอกเดี่ยวสีฟ้าอมม่วงหรือฟ้าคราม เป็นกระจุกประมาณ 3-4 ดอกที่ปลายยอด มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และโดดเด่นด้วยความสวย อีกทั้งผงของดอกแก้วเจ้าจอมสามารถนำไปสกัดเป็นชาบำรุงกำลังได้

          โดยต้นแก้วเจ้าจอมนิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ด เพราะมีการติดเมล็ดมาก อีกทั้งยังสามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด มีอายุยืน เลี้ยงง่าย แค่ขอให้โดนแดดเต็มวันและได้รับน้ำปานกลาง ทว่าหากคิดจะปลูกต้นแก้วเจ้าจอม ก็ควรระวังอย่าได้ปลูกใกล้ต้นไม้ชนิดอื่น ๆ เด็ดขาด เนื่องจากต้นไม้ชนิดนี้เป็นต้นไม้ที่โตช้า พอถึงเวลาโตแล้วดันมีต้นไม้อื่น ๆ มาบดบังก็อาจจะทำให้รูปร่างไม่เป็นพุ่ม เป็นทรงได้ 




4. พุดน้ำบุศย์, พุดน้ำบุษย์

          พุดน้ำบุษย์ เป็นไม้พุ่มเตี้ย มีกิ่งก้านเยอะ แต่เปราะหักง่าย ออกดอกเดี่ยวอยู่ใกล้ปลายกิ่งตลอดทั้งปี แต่จะออกมากสุดในช่วงฤดูฝน ซึ่งในระยะที่ดอกบานแรก ๆ จะมีสีขาวนวลและส่งกลิ่นหอมฟุ้ง พอวันถัดมาก็จะค่อย ๆ กลายเป็นสีเหลืองและส่งกลิ่นหอมแรงตลอดทั้งวัน โดยจะหอมมากสุดในตอนค่ำ ๆ ซึ่งสามารถหอมได้ไกลถึง 2-3 เมตร ส่วนระยะเวลาในการบาน แต่ละดอกจะบานอยู่ประมาณ 7 วัน

          พุดน้ำบุษย์เป็นพืชที่สามารถปลูกได้ทั้งในแปลงดินและในกระถาง อีกทั้งยังขยายพันธุ์ได้ทั้งการปักชำและตอนกิ่ง โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ซึ่งเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ และระบายน้ำได้ดี เนื่องจากต้นไม้ชนิดนี้ต้องรดน้ำทั้งเช้าและเย็น เพราะเป็นต้นที่ชอบความชื้น รวมถึงชอบแสงแดดจัด ๆ ตลอดทั้งวันด้วย 



 

5. สเลเต

          สเลเตหรือต้นมหาหงส์ เป็นไม้หัวล้มลุก มีเหง้าคล้ายขิง มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ส่วนก้านใบโผล่ขึ้นมาเหนือดิน ดอกมีลักษณะเป็นช่ออยู่บริเวณปลายยอด ช่อละ 3-6 ดอก มีสีขาวนวลบริสุทธิ์หรือสีเหลืองแซม ออกเป็นช่อตลอดปี แต่เวลาบานไม่บานทั้งช่อ ค่อย ๆ ทยอยกันบาน  เป็นดอกไม้ที่จะเริ่มส่งกลิ่นหอมในเวลาเย็น ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่นิยมปลูกต้นสเลเตกันมาก 

          ซึ่งวิธีการปลูกที่นิยมที่สุด คือ การแยกหน่อ โดยสเลเตเป็นพืชที่ชอบพื้นดินชื้นแฉะหรือน้ำขัง แต่ก็สามารถปลูกในที่แห้งหรือในกระถางได้เหมือนกัน โดยต้องให้น้ำมากเป็นพิเศษ จึงจะออกดอกได้ดี

          - ดอกสเลเต ดอกไม้ขาวบริสุทธิ์ ดีพร้อมด้วยสรรพคุณยา



 

6. ราชาวดี

          อยากปลูกดอกไม้มีกลิ่นหอมสีขาว หอมแรง หอมเย็น หอมตลอดทั้งวัน ต้องปลูกต้นราชาวดี ที่เชื่อกันว่าเป็นต้นไม้ของพระราชา โดยต้นไม้ชนิดนี้เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีกิ่งแข็งเป็นกิ่งไม้เลื้อย แต่ไม่พันกัน มีดอกออกเป็นช่อยาวประมาณ 2-3 นิ้ว โดยแต่ละดอกจะใช้เวลาบานประมาณ 7-10 วัน 

          ซึ่งการปลูกต้นไม้ชนิดนี้ก็ไม่ยาก เพราะไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน อีกทั้งยังสามารถโตได้กับดินทุกชนิด ดินค่อนข้างแล้งก็ยังได้ แต่หากปลูกในดินร่วนปนทรายจะดีที่สุด ส่วนเรื่องน้ำก็ไม่ต้องรดมาก เพราะต้นราชาวดีเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมากเท่าไร ทว่าควรปลูกกลางแจ้ง เพื่อให้ต้นได้รับแสงแดดจัด ๆ ตลอดวัน ถ้าหากปลูกในที่ร่ม อาจไม่ค่อยออกดอก รวมถึงถ้าอยากให้ต้นราชาวดีดูดี ก็ควรตัดแต่งรูปทรงของต้นด้วย เพราะต้นไม้ชนิดนี้เป็นต้นไม้ที่ไม่ขึ้นเป็นรูปทรงสักเท่าไรนัก



 

7. ประยงค์

          ประยงค์ ไม้ดอกไม้ประดับที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลำต้นเตี้ย กิ่งดก ใบดก เป็นพุ่มหนา มีดอกสีเหลืองสวย เป็นช่อสั้น ๆ ออกตามซอกใบ รูปร่างกลมเล็ก ไม่บาน ลักษณะคล้ายไข่ปลา มีกลิ่นหอมแรง หอมไกล โดยส่วนมากนิยมนำมาชงเป็นชาดื่มหรือใช้อบผ้าเพิ่มความหอม และนอกจากจะมีกลิ่นที่หอมแล้ว ต้นประยงค์ยังเป็นพุ่มสวย ทนทาน ปลูกง่าย อายุยืน ทำให้คนไทยนิยมปลูกต้นไม้ชนิดนี้กันมาก 

          โดยเราสามารถปลูกต้นประยงค์ได้ทั้งการตอน การปักชำ และการเพาะเมล็ด แต่หากอยากให้ต้นไม่สูงใหญ่จนเกินไป รวมถึงออกดอกได้ดีตลอดทั้งปี แนะนำให้ขยายพันธุ์ด้วยการตอนและปักชำ อีกทั้งยังเหมาะจะทำในฤดูฝน เพราะอากาศไม่ร้อน และต้นไม้จะได้รับน้ำอย่างเต็มที่ด้วย 



 

8. บุหงาส่าหรี

          พรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในหมู่เกาะบาร์บาโดส เป็นไม้พุ่มยืนต้นทรงกระบอกขนาดกลาง ออกดอกเป็นช่อตลอดทั้งปี ส่วนมากจะออกตรงกิ่งอ่อน มีสีขาว มีกลิ่นหอม โดยจะหอมมากในช่วงเย็น ๆ จนถึงกลางคืน แต่ในตอนเช้ากลิ่นจะจางลง และหายไปในช่วงบ่าย ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วดอกบุหงาส่าหรีค่อนข้างจะร่วงหลุดง่าย แต่คนก็ยังนิยมปลูก เนื่องจากบุหงาส่าหรีเป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ตายยาก โตเร็ว ทนในทุกสภาพดิน สามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและในแปลงดิน ต้องการน้ำไม่มาก แต่ก็ต้องไม่ขาด ไม่งั้นใบจะเฉา และสุดท้ายต้นไม้ชนิดนี้สูงและโตไวมาก ดังนั้นจึงควรตัดแต่งกิ่งก้านบ่อย  ๆ เพื่อรักษารูปทรงและไม่ให้สูงจนเกินไปนัก 



 

9. สายหยุด       

          สายหยุด ไม้พุ่มรอเลื้อย มีดอกเดี่ยวสีเหลือง ออกตามซอกใบ โดยดอกจะบานและส่งกลิ่นหอมมาก ๆ ในตอนเช้า แต่พอตกสายหรือเมื่อเจออากาศร้อน กลิ่นก็จะค่อย ๆ หายไป โดยคนส่วนมากนิยมนำดอกสายหยุดมาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับเพิ่มความสวยงามแก่บ้าน สร้างร่มเงาบังแดด บังฝน และนำไปทำน้ำมันหอมระเหย รวมถึงดอกสายหยุดยังมีฤทธิ์บำรุงหัวใจ แก้ไขหวัด ท้องอืด และอาการเวียนหัวด้วย 

          โดยวิธีการปลูกสายหยุดก็ทำได้ง่าย ๆ ทั่วไป ด้วยการเพาะเมล็ด เนื่องจากการปลูกด้วยวิธีนี้ให้ต้นใหญ่ กิ่งเยอะ อายุยืน ต่างจากวิธีอื่น ๆ ที่เสี่ยงทำให้ต้นตายง่าย ทว่าปลูกแล้วไม่ใช่ว่าสายหยุดจะออกดอกเลย ต้องใช้เวลารอสักหน่อย ประมาณ 3-4 ปีค่ะ   




 

10. สายน้ำผึ้ง

          สายน้ำผึ้งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นไม้เถาเลื้อยทรงพุ่มขนาดเล็ก มีผลแบบเบอร์รีสีดำ ดอกมีสีขาว ทรงกรวย ยาว 4 เซนติเมตร โดยจะออกดอกเป็นช่อ ช่อละประมาณ 20 ดอก ส่งกลิ่นหอมสดชื่นตลอดทั้งปี ซึ่งนอกจากดอกสายน้ำผึ้งจะเป็นดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมตอนกลางคืนหรือช่วงค่ำ ๆ ไปจนถึงเช้าแล้ว ดอกไม้ชนิดนี้ยังสามารถนำไปทำยาช่วยขับพิษ นำไปเพิ่มรสหวานในขนมและเครื่องดื่ม แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวและผมของสาว ๆ ได้ด้วย

          โดยต้นสายน้ำผึ้ง เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ แถมยังไม่ค่อยมีปัญหาแมลงรบกวน ฉะนั้นแค่รดเพียงน้ำ ใส่ปุ๋ย ก็ทำให้สายน้ำผึ้งเจริญงอกงามได้ดี ส่วนเรื่องดิน ควรใช้ดินร่วนที่อุดมสมบูรณ์และมีความชื้นพอประมาณ โดยให้ปลูกต้นสายน้ำผึ้งในพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดอย่างเหมาะสม เพราะสายน้ำผึ้งเป็นไม้กลางแจ้ง ทว่าอย่างไรก็ระวังอย่าให้โดนแดดจัดเกินไป  สำหรับการขยายพันธุ์ สามารถทำได้ทุกวิธี แต่ถ้าอยากให้เห็นผลดีที่สุดควรเลือกวิธีปักชำ

ดอกไม้มีกลิ่นหอม

          เห็นไหมคะว่าประเทศไทยเรานั้นมีดอกไม้กลิ่นหอมมากมายหลายชนิดให้เลือกปลูก ดังนั้นใครที่พอจะมีพื้นที่รอบบ้านเหลืออยู่ จะไปหาซื้อดอกไม้เหล่านี้มาปลูก ก็ช่วยให้บ้านสวยและหอมขึ้นได้ง่าย ๆ เลยนะ  

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง/พุทธชาดก้านแดง, ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, piromwaroon, ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง/แก้วเจ้าจอม, vichakaset, panmainaiban, medthai, ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง/ราชาวดี, หมอชาวบ้าน/ราชาวดี, puechkaset, หมอชาวบ้าน/ประยงค์, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช, samunpri, ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง/บุหงาส่าหรี, puechkaset/สายหยุด และ vichakaset/สายน้ำผึ้ง

ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์
เราสร้างบ้านเพื่ออนาคต

Line