หน้าแรก / สาระน่ารู้ / เกร็ดความรู้
เกร็ดความรู้
หน้าแรก / เกร็ดความรู้

ใช้ประตูบานเลื่อนกับห้องแบบไหนดี?

Line

ใช้ประตูบานเลื่อนกับห้องแบบไหนดี?

Line

      เมื่อพูดถึงประตูในบ้านโดยทั่วไป คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงประตูไม้พร้อมลูกบิด แต่ในปัจจุบันนี้ ผู้ที่กำลังสร้างบ้านหันมาเลือกใช้ประตูบานเลื่อนกันมากขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ ลองมาพิจารณาดูกันว่าเราควรใช้ประตูประเภทนี้สำหรับห้องแบบใดบ้าง

ข้อดีของประตูบานเลื่อน
      ก่อนที่จะเข้าประเด็นว่าควรใช้ประตูบานเลื่อนกับส่วนไหนของบ้านได้บ้าง มาทราบถึงข้อดีของประตูบานเลื่อนกันก่อน
  1. ประหยัดเนื้อที่ในห้อง เนื่องจากหากใช้ประตูทั่วไป ผู้อยู่อาศัยต้องจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้ไม่อยู่ในแนวผลักประตูเข้าหรือออก ซึ่งอาจทำให้โต๊ะ ตู้ หรือข้าวของเสียหายได้ ประตูแบบเลื่อนซ้ายขวาจะช่วยให้ประตูไม่ไปกระแทกสิ่งใดและมีพื้นที่สำหรับเดินมากกว่าประตูแบบผลัก นอกจากนี้ หากใช้ประตูบานเลื่อนที่เป็นกระจก ก็จะยิ่งทำให้ห้องแลดูกว้างขึ้นด้วย
  2. ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เพราะในขณะที่ผลักประตูทั่วไปออก ผู้เปิดประตูจะไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีใครอยู่ด้านหลังประตูหรือไม่ หากใช้ประตูบานเลื่อน ก็สามารถคลายกังวลในเรื่องนี้ไปได้
  3. ความสวยงาม ประตูบานเลื่อนมีหลายแบบให้เลือกไม่ต่างจากประตูทั่วไป โดยผู้สร้างบ้านสามารถเลือกสไตล์ให้เข้ากับแต่ละห้องได้ ไม่ว่าเป็นแบบกระจก ไม้ หรือไม้แกะสลัก ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีให้เลือกหลายรูปแบบและหลากสีสัน รวมถึงแบบกลอนต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับประตูประเภทนี้ด้วย
 



ประตูบานเลื่อนเหมาะกับห้องใดบ้าง

      ด้วยความหลากหลายด้านสไตล์ ลักษณะ และประโยชน์ใช้สอย คุณจึงสามารถใช้ประตูบานเลื่อนได้กับทุกห้องในบ้าน และข้อมูลต่อไปนี้จะบอกให้ทราบว่า ประตูชนิดนี้เหมาะกับแต่ละห้องอย่างไร

ห้องรับแขก

      ส่วนใหญ่จะเป็นห้องแรกเมื่อเข้าสู่ตัวบ้าน ประตูบานเลื่อนยอดนิยมที่เหมาะกับห้องรับแขกคือ แบบประตูคู่ที่มาพร้อมกลอนแน่นหนา ซึ่งมีหลายคนที่ชอบแบบเป็นไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม หรือเป็นบานกระจกใส และหากเจ้าของบ้านต้องการระบายอากาศหรือคลายร้อนในตอนกลางวัน การติดมุ้งลวดที่ประตูห้องรับแขกจะช่วยได้อย่างมาก

ห้องครัว

      ประตูห้องครัว ไม่ว่าจะเป็นแบบธรรมดาหรือบานเลื่อน ไม่ควรเป็นแบบกระจก เนื่องจากคราบน้ำมันอาจติดที่กระจก ซึ่งทำให้ต้องทำความสะอาดบ่อย ประตูบานเลื่อนแบบที่เหมาะกับห้องครัวคือ ประตูไม้แบบที่มีช่องระบายอากาศ เพื่อระบายกลิ่นอาหารและไม่ทำให้ควันสะสมตัวอยู่ในห้อง

ห้องนอน

      ด้วยอากาศร้อนในเมืองไทย ห้องนอนส่วนใหญ่จึงมีเครื่องปรับอากาศ ประตูสำหรับห้องนอนจึงควรเป็นแบบทึบเพื่อไม่ให้อากาศออกหรือเข้า รวมถึงเพื่อความเป็นส่วนตัว เมื่อเลือกใช้ประตูบานเลื่อนสำหรับห้องนี้ ก็ควรเป็นแบบที่เลื่อนเข้าหากันแล้วติดกันสนิท

ห้องน้ำ

      ประตูบานเลื่อนสำหรับห้องน้ำควรเป็นแบบที่มีช่องระบายอากาศเช่นเดียวกับห้องครัว โดยช่องระบายอากาศควรเป็นแบบแนวนอนและเฉียงลง เพื่อให้สามารถถ่ายเทอากาศ พร้อมป้องกันไม่ให้คนภายนอกมองเห็นภายในห้องได้ อย่างไรก็ตาม ประตูห้องน้ำแบบบานเลื่อนไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก อาจเป็นด้วยเหตุผลด้านสไตล์หรือความไม่ถนัดในการใช้กลอนของประตูประเภทนี้

ห้องโฮมเธียเตอร์

      อาจเป็นห้องที่ไม่ได้มีทุกบ้าน แต่หากใครมีห้องนี้ ควรใช้ประตูบานเลื่อนที่หนาเพื่อช่วยป้องกันเสียงไม่ให้ออกไปรบกวนภายนอก ทำให้สามารถดูภาพยนตร์เสียงกระหึ่มได้อย่างเต็มที่

ห้องเด็ก

      เป็นห้องที่เหมาะสมที่จะใช้ประตูบานเลื่อนอย่างยิ่งด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย โดยประตูชนิดนี้จะช่วยไม่ให้ผู้อยู่อาศัยเปิดประตูไปชนเด็กโดยไม่ตั้งใจ เราขอแนะนำให้เลือกประตูที่มีมือจับหรือกลอนค่อนข้างสูง เพื่อไม่ให้เด็กเปิดเข้าออกได้

ห้องแต่งตัว

      ประตูห้องแต่งตัวแบบบานเลื่อนคู่จะช่วยเพิ่มความหรูหราอลังการให้แก่ห้องนี้ โดยเป็นสไตล์ที่เรียกกันว่า walk-in closet ซึ่งเป็นที่นิยมในโลกตะวันตก หรือหากต้องการประหยัด ตู้เสื้อผ้าแบบประตูเลื่อนก็ดูทันสมัยเช่นกัน

      จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าผู้สร้างบ้านสามารถเลือกใช้ประตูบานเลื่อนได้กับทุกแห่งในบ้าน โดยมีประโยชน์ทั้งในด้านการประหยัดเนื้อที่ ความปลอดภัย และความสวยงาม


ที่มา : sanook.com
(วันที่ 17 มิถุนายน 2562)


 

Home's Tips

ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์
เราสร้างบ้านเพื่ออนาคต

Line