ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
16 เม.ย.2564

ผู้รับเหมาหั่นราคาหนักหวังงานลูกค้า รับสร้างบ้านหมื่นล้าน 'ระอุ' แบรนด์ใหญ่ชูคุณภาพ-ดีไซน์-อัปตลาดไฮเอนด์

Line

         ภาวะการแข่งขันในธุรกิจรับสร้างบ้านนับวันจะทวีความดุเดือดและรุนแรง (Red Ocean) ไม่น้อยไปกว่าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยลักษณะของธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือนิชมาร์เกตอย่างมาก และเป็นธุรกิจที่อยู่บนพื้นฐานของความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยในปัจจุบัน ธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถเข้าไปเฉือนเค้กกับตลาดรับเหมารายย่อยได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากรวมทั้ง 2 สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้แก่ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน และสมาคมไทยรับสร้างบ้าน สามารถขยับเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดรับสร้างบ้านจากกลุ่มผู้รับเหมารายย่อย โดยมีมูลค่าสูงถึง 20,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับมูลค่าของผู้รับเหมารายย่อยที่ 2 แสนล้านบาท

        ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านมีแนวโน้มที่ความต้องการปลูกสร้างบ้านจะเติบโตอย่างมาก เนื่องจากบริษัทรับสร้างบ้านได้เน้นทำตลาดอย่างหนัก โดยเฉพาะในเรื่องของ "ส่วนลดราคา" เพื่อเร่งตัดสินใจลูกค้าที่พร้อมจะปลูกสร้างบ้าน หลังจากที่อั้นมาในช่วงที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งปัจจุบัน "ดีมานด์" สร้างบ้านได้ไหลกลับเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบ้านก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เจ้าของที่ดินเริ่มหันมามองที่จะสร้างบ้านบนที่ดินตนเอง แทนที่จะปล่อยให้รกร้าง ขณะที่ธนาคารรายใหญ่ อย่าง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ หันมาปล่อยสินเชื่อปลูกสร้างบ้านมากขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงต่ำในเรื่องหนี้เสีย มีหลักประกันคุ้มมูลหนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้ที่ปลูกสร้างบ้านใช้บริการเงินกู้กับสถาบันการเงินในสัดส่วนที่มากขึ้น 30-50% แทนที่จะใช้เงิน "ออม" ทั้งหมด เพื่อที่จะมี "สภาพคล่อง" ไว้รองรับการใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น หรือบางส่วนใช้สำหรับดำเนินธุรกิจ เป็นต้น
 

"พีดีเฮ้าส์" ผู้นำสร้างบ้าน"อนุรักษ์พลังงาน"

         น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด (CMO) บริษัท พีดีเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของและผู้บริหารแบรนด์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เผยว่า ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2564 นี้ จัดว่ารุนแรงในทุกเซกเมนต์ บริษัทฯ จึงต้องมีการปรับตัวอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งวางกลยุทธ์การแข่งขันให้มีความละเอียดและชัดเจนมากขึ้น เพื่อสามารถเจาะเข้าถึงความต้องการและพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมายในยุคนิว นอร์มอล 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่

1.กลุ่มอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
2.กลุ่มดูแลและรักสุขภาพ
และ 3.กลุ่มผู้สูงอายุ

       โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ชูกลยุทธ์สร้างบ้านอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง อาจเรียกได้ว่า พีดีเฮ้าส์คือ ผู้นำสร้างบ้านอนุรักษ์พลังงาน ยืนยันได้จาก 36 รางวัลที่ได้รับจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา

       สำหรับไตรมาส 2 ปีนี้บริษัทฯ จะหันมาเน้นกลยุทธ์การแข่งขันเพิ่มเติมคือ การสร้างบ้านสำหรับคนรักสุขภาพ และบ้านสำหรับผู้สูงอายุ โดยการสร้างบ้านทุกหลังจะทำการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน PD Fresh Airflow เทคโนโลยีการผลิตจากประเทศสวีเดน เพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้าน ด้วยการทำงานของอุปกรณ์ที่จะดึงอากาศดีหรือออกซิเจนผ่านระบบกรองอากาศเข้าสู่ภายในบ้าน และถ่ายเทอากาศเสียหรือคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ภายนอก ช่วยลดสภาพอากาศชื้น ลดการเกิดเชื้อรา และป้องกันฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะในหลายๆ จังหวัดของประเทศไทยในปัจจุบันที่สภาพอากาศมีฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเจาะกลุ่มผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคหืดหอบ ผู้ที่ห่วงใยดูแลสุขภาพของตัวเองและครอบครัว

       นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นว่าจากสัดส่วนประชากรกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันและอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ จึงได้ออกแบบบ้านใหม่ๆ โดยให้มีฟังก์ชันการใช้งานและอุปกรณ์มาตรฐานที่สะดวกต่อการใช้งานของผู้สูงวัยและผู้พิการ เริ่มตั้งแต่การออกแบบทางลาดสำหรับรถวีลแชร์ พื้นที่ห้องนอนชั้นล่าง ขนาดและช่องเปิดห้องน้ำ รวมทั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ

         การปรับตัวและกลยุทธ์ที่ใช้แข่งขันคงไม่เพียงพอ หากทำได้แค่การดีไซน์แบบบ้าน และเพิ่มคุณภาพวัสดุหรืออุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้างบ้านเท่านั้น เพราะการสื่อสารและการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างทั่วประเทศ ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ปีนี้บริษัทฯ จึงยังคงใช้กลยุทธ์อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ควบคู่กันด้วยการเปิดสาขาในต่างจังหวัด ล่าสุด เตรียมเปิดสาขาใหม่ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์สาขาภาคใต้เพิ่มอีก 1 แห่ง ได้แก่ สาขาสุราษฎร์ธานี หลังจากที่เปิดศูนย์รับสร้างบ้านสาขาพิจิตรและสาขานครนายกไปแล้วเมื่อไตรมาสแรกที่ผ่านมา

ตลาดรับสร้างบ้าน 3-7 ล้านบาทแข่งขันสูง
ผู้รับเหมาหนีตาย! หั่นราคาหนัก แย่งลูกค้ารับสร้างบ้าน
 

       นายปราโมทย์ ธีรกุล ประธานกรรมการบริหาร โฟร์พัฒนากรุ๊ป เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงไตรมาสแรกปี 64 ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เหมาะในการกระตุ้นตลาดรับสร้างบ้าน และเป็นเหตุผลที่บริษัทเข้าร่วมงาน "รับสร้างบ้าน FOCUS 2021" เมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังมีการประเมินจะจัดช่วงไตรมาส 4 เพื่อรวมพลังในการส่งเสริมตลาดรับสร้างบ้าน หลังจากปีที่ผ่านมา ประสบปัญหากับการระบาดของโควิด-19

       "คนจะสร้างบ้านกับเราต้องมีวินัย มีที่ดินมาก่อนแล้ว ประเภทมาหาซื้อที่ดินและปลูกสร้างบ้านมีเหมือนกัน แต่สัดส่วนแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหลังโควิด-19 พฤติกรรมของกลุ่มคนที่อยู่คอนโดมิเนียมหันมาซื้อที่ดินแล้วปลูกสร้างนั้นเราไม่มีสถิติมากเช่นนั้น ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เซตข้อมูลเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์การปลูกสร้างบ้าน มีเพียงข้อมูลจำนวนผู้ที่มาขอกับทางเขตเท่านั้น"

       สำหรับธุรกิจของโฟร์พัฒนาฯ เริ่มมาดูดีขึ้นช่วงปลายไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา หลังจากชะลอตัวตั้งแต่ต้นปี 63 และลูกค้าเริ่มกลับมาวางเงินมัดจำและโทร.เข้ามาสอบถามข้อมูลกับบริษัทฯ อีกครั้งในเดือนสิงหาคมปี 63 เท่าที่ติดตามลูกค้าไม่ถึงขั้นยกเลิกสัญญา เพียงแต่ชะลอการปลูกสร้างบ้านเพื่อรอให้โควิด-19 ดีขึ้น อย่างเช่น เจ้าของบริษัททัวร์แห่งหนึ่งกลับมาเจรจาและใกล้ปิดดีลแล้ว แต่ก็มีบางกลุ่มที่ต้องรอการฟื้นตัว เช่น ลูกค้าอาชีพสายการบิน ที่วางมัดจำไว้แล้วแต่มาปีกว่าแล้วยังไม่กลับมาเดินหน้าต่อ และยังไม่เรียกเอาเงินคืน แต่โดยรวมแล้วของโฟร์พัฒนาฯ ไม่ถูกกระทบมากนัก เพราะโครงสร้างลูกค้าของโฟร์พัฒนาฯ จะอยู่ระดับบนเฉลี่ย 8-10 ล้านบาทขึ้นไป กลุ่มนี้ใช้เงินสดในการปลูกสร้างบ้านในสัดส่วนถึง 85% ที่เหลือเป็นเงินกู้กับสถาบันการเงินประมาณ 15% ส่วนบริษัทในเครือ อย่างเช่น บริษัทโฟร์ดีเวลลอป เฮ้าส์ จำกัด ทำตลาดเฉลี่ย 3-7 ล้านบาท การแข่งขันสูง แข่งกับผู้รับเหมาด้วย ตอนนี้ผู้รับเหมาไม่มีงานก็ทุ่มราคาน่าดู เช่น ราคาต่อหลัง 3-4 ล้านบาท ผู้รับเหมาหั่นราคาลงมาแข่งกับธุรกิจรับสร้างบ้าน

เจ้าของโรงสี-โรงเรียน-โรงงานน้ำแข็งควักเงิน "สร้างบ้านหรู"

      นายอนันต์กร อมรวาที กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ แปลน 101 จำกัด รับสร้างบ้านหรูครบวงจร เปิดเผยว่า ตลาดบ้านหรูไม่ได้ถูกกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่กลับเป็นตัวเร่งการตัดสินใจลูกค้า โดยเฉพาะสร้างบ้านต่างจังหวัดจะมีมูลค่าสูงกว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งเศรษฐีในต่างจังหวัดให้การยอมรับและใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านในการปลูกสร้างบ้านหลังใหญ่เพื่อให้สมฐานะของตนเอง ซึ่งผลงานของบริษัทในปี 2563 มียอดขายรวม 400 ล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดสัดส่วน 50:50 ส่วนใหญ่ 60% จะเป็นบ้านที่มีมูลค่าสูง เฉลี่ยอยู่ที่ 50 ล้านบาท ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯเฉลี่ยมูลค่าสร้างบ้านอยู่ที่ 20-30 ล้านบาท

      นอกจากนี้ ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลง ทำให้ผู้ที่จะปลูกสร้างบ้านหันมาใช้วงเงินสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์มากขึ้น โดยบางรายมีสัดส่วนใช้วงเงินกู้ถึง 50% ของมูลค่าบ้าน เนื่องจากจะได้มีเงินสดบางส่วนไปสร้างธุรกิจต่อ

"กลยุทธ์ปีนี้ มาสเตอร์ แปลนฯ จะเน้นตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น และเมื่อสร้างเสร็จลูกค้าจะมีการบอกต่อ ทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น ลูกค้ากลุ่มนี้จะมองเรื่องความคุ้มค่าต่างกับโครงการบ้านจัดสรร ในปีนี้จะขยายตลาดไปเจาะนักธุรกิจในพื้นที่ภาคตะวันออก (อีอีซี) จากเดิมลูกค้าอยู่ทางภาคอีสาน เช่น อุบลราชธานี กำแพงเพชร อุดรธานี บุรีรัมย์ และโคราช เป็นต้น ตอนนี้มีดีลลูกค้า 5-6 ราย ทำธุรกิจเจ้าของโรงสี โรงงานน้ำแข็ง เจ้าของโรงเรียน และทำธุรกิจแพกเกจจิ้ง วางเป้าหมายยอดขายปีนี้ 440-450 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์" นายอนันต์กร กล่าว

เจน 2 "แลนดี้โฮม" ท้าชิง! เจาะเศรษฐีสร้างบ้านหรู 15-50 ล้านบาท

      น.ส.พรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารรุ่น 2 ของบอสรุ่นใหญ่ "พิเชษฐ มณีรัตนะพร" กล่าวว่า บริษัทได้ลงทุน 20 ล้านบาทเปิดเซลล์ แกลเลอรีใหม่ "แลนดี้ แกรนด์" ซึ่งเป็นสาขาแฟล็กชิป สโตร์แห่งแรกที่บริษัทลงทุนและเปิดให้บริการ โดยสาขาต้นแบบนี้จะมุ่งให้ความสำคัญต่อการทำตลาดที่เจาะกลุ่มกำลังซื้อที่จะสร้างบ้านระดับบน ราคาตั้งแต่ 15-50 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มนิชมาร์เกตที่มีกำลังซื้อและความต้องการบ้านหรูในราคาคุ้มค่า ประกอบกับความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของบริษัทแลนดี้ โฮม ที่รับสร้างบ้านมานาน 33 ปี ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้บริการของลูกค้าในการตัดสินใจเลือกบริษัทมากกว่าผู้รับเหมารายย่อย

      "เรามองเห็นโอกาสและศักยภาพของกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ย่านฝั่งธนฯ ซึ่งมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฐานลูกค้าระดับบีบวกถึงเอ มีพื้นที่ขนาดใหญ่รองรับ เพราะราคาที่ดินไม่แพง การเดินทางสู่ใจกลางเมืองเศรษฐกิจสะดวกสบาย และสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายรองที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น เส้นจรัญ 13 พรานนก-พุทธมณฑล เพชรเกษม บรมราชชนนี สิ่งที่เราพบและติดตามข้อมูลมาตลอด ลูกค้าฝั่งธนบุรีสร้างบ้านในปริมาณใกล้เคียงกับพื้นที่ในกรุงเทพฯ"


      ปัจจุบันบริษัทสามารถรองรับการบริการรับสร้างบ้านในทุกระดับราคา ตั้งแต่บ้านหลังเล็ก ระดับราคา 2-5 ล้านบาทแบรนด์ เทรนดี้ โฮม บ้านขนาดกลาง ราคา 5-15 ล้านบาท แบรนด์ แลนดี้ โฮมแลนด์ และบ้านขนาดใหญ่ ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป แบรนด์แลนดี้แกรนด์ คาดว่าบริษัทจะเติบโตในปีนี้อยู่ที่ 15% หรือมีมูลค่า 2,400 ล้านบาท

      สำหรับโครงสร้างลูกค้าของแลนดี้โฮมนั้น แบ่งทำตลาดให้น้ำหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลสัดส่วนสูงถึง 80% และต่างจังหวัดประมาณ 20% โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา สัดส่วนบ้านราคา 2-5 ล้านบาท อยู่ที่ 45% บ้านขนาดกลางราคา 5-15 ล้านบาทอยู่ที่ 30% และบ้านระดับลักชัวรี ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป อยู่ 25% ซึ่งกลุ่มนี้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 16%

"ซีคอน" เปิดบริษัท 'Seacon ID' รุกตลาด 'Blue Ocean'

      บริษัท ซีคอน จำกัด เป็นอีกหนึ่งบริษัทรับสร้างบ้านที่อยู่ในวงการมานาน และปี 2564 เข้าสู่การเฉลิมฉลองรอบ 60 ปีของการดำเนินธุรกิจ และเป็นปีที่มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของการขยายตลาดไปสู่ "น่านน้ำใหม่" หรือ 'Blue Ocean' โดยนายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด กล่าวยอมรับว่า ผลจากโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ลูกค้าของบริษัทฯ หายไปถึง 50% แต่ยังโชคดีที่ได้ลูกค้าในกลุ่มตลาดออนไลน์ระดับราคา 5-20 ล้านบาทเข้ามาเสริม แต่โดยรวมแล้วยอดขายในปีที่ผ่านมาเติบโตลดลง 10% จากเป้าหมายที่วางไว้ 1,480 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ในปีนี้ทางซีคอนฯ มั่นใจจะสามารถพลิกมาทำยอดขายได้ระดับ 1,700 ล้านบาท ซึ่งยอดขายส่วนหนึ่งประมาณ 200 ล้านบาท มาจากธุริจใหม่ภายใต้ชื่อบริษัท "Seacon ID"

      "ตลาดรับสร้างบ้านแข่งขันรุนแรง เป็นตลาด Red Ocean แม้จะมีปลาและสัตว์เยอะ แต่ก็มีปลาใหญ่มากินปลาเล็ก มีปลาฉลามเข้ามากิน แม้ซีคอนจะเป็นปลาใหญ่ แต่เราก็ต้องมองหาธุรกิจใหม่ๆ มองหาตลาด Blue Ocean ซึ่งการตั้งบริษัทใหม่เพื่อเข้าไปให้บริการออกแบบและสร้างบ้านฟรีสไตล์สำหรับลูกค้าที่อยากได้บ้านตามสไตล์ของตัวเอง ทำให้เราต้องขยายบริการไปรองรับ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบอย่างเดียว หรือสร้างบ้านจากแบบที่ลูกค้ามีอยู่ หรือทำให้ครบวงจร คือ ทั้งออกแบบและก่อสร้าง โดยมีลูกค้า 20 เปอร์เซ็นต์ มาคุยกับเราต้องการแบบบ้านของตัวเอง" นายมนู กล่าว

       นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างหารือเพื่อขยายความร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทญี่ปุ่นชั้นนำที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อนำเสนอนวัตกรรมหรือบริการที่จะมาตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าของซีคอนฯ คาดว่าจะได้ความชัดเจนในครึ่งหลังของปี 2564

      นายมนู กล่าวถึงการขยายตลาดไปสู่ลูกค้าในพื้นที่ภูมิภาคว่า ยังคงอยู่ในแผนที่จะไปเปิดสาขาเพิ่มเติม โดยก่อนที่จะเกิดโควิด-19 ทางซีคอนฯ มีแนวคิดจะไปเปิดศูนย์ในหัวเมืองใหญ่ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ โคราช รวมถึงจังหวัดในโซนอีอีซี ไม่ว่าจะจังหวัดชลบุรี ระยอง เนื่องจากมีการลงทุนของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่อง แต่จากโควิด-19 ทำให้ต้องชะลอเปิดศูนย์ซีคอน ถึงกระนั้นเรามอง 4-5 ภูมิภาคที่จะไปปักหมุดอย่างแน่นอน

CBRE คัดสรรที่ดินเสนอลูกค้า "สร้างบ้าน"

      ด้านบริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กับแผนการรุกเจาะกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อที่ดินเพื่อปลูกสร้างบ้านว่า บางคนเลือกที่จะสร้างบ้านของตัวเองมากกว่าปรับปรุงบ้านเก่าหรือซื้อบ้านใหม่จากโครงการจัดสรร หากลูกค้าต้องการที่จะมีอิสระในการสร้างสรรค์ได้มากกว่า และมีข้อจำกัดน้อยกว่า การซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านขึ้นมาใหม่นั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ทั้งนี้ เราจะพบเห็นว่า ระหว่างปี 2546 ถึงปัจจุบัน ในแต่ละปีจะมีบ้านใหม่ที่สร้างเองโดยเฉลี่ยมากกว่า 18,000 หลังในกรุงเทพฯ ขณะที่บ้านใหม่ในโครงการจัดสรร โดยเฉลี่ยมากกว่า 13,000 หลังเท่านั้น (แต่แนวโน้มอาจจะมากขึ้น เนื่องจากความกังวลเรื่องโควิด-19)

      อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าข้อแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งระหว่างการซื้อบ้าน และการซื้อที่ดิน เพื่อสร้างบ้าน คือ การขอสินเชื่อ ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการใช้เงินมากจำเป็น สิ่งที่สำคัญที่ควรทำ คือ งบประมาณ ในการซื้อที่ดิน ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนที่ดิน ค่าก่อสร้างและตกแต่งภายใน ค่าวิชาชีพ (สถาปนิก วิศวกร) และค่าจิปาถะ

       การเลือกซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านในฝันเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญ องค์ประกอบหลักที่ต้องพิจารณา คือ 1.ทำเล 2.ราคา 3.สภาพแวดล้อมในละแวก 4.รูปร่างที่ดิน และ 5.กฎระเบียบในการก่อสร้างอาคาร ขณะที่บริษัทฯมีบริการที่จะสามารถเสนอให้ลูกค้า ทั้งในเรื่องของการตรวจสอบการใช้ที่ดิน เสนอขายที่ดิน ศึกษาเปรียบเทียบทำเล ต่อรองราคา และจัดหาที่ดินตามความต้องการ



ขอขอบคุณที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 15 เมายน 2564