น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ตลาดรับสร้างบ้าน และความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภค บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปัจจัยหลักๆเป็นเพราะผู้บริโภค และประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเทศกาลวันสงกรานต์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายของบริษัทฯ ที่เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง มักจะใช้โอกาสนี้เดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยจะหยุดพักเรื่องการสร้างบ้านหลังใหม่ไว้ชั่วขณะหนึ่ง และจะกลับมาเริ่มปรึกษา หรือตัดสินใจสร้างบ้านใหม่อีกครั้งหลังผ่านช่วงเทศกาลสงกรานต์ และวันหยุดยาวไปแล้ว
       
          จากพฤติกรรม และความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย บริษัทฯ จึงมีแผนจัดกิจกรรมการตลาด และส่งเสริมการขาย โดยในระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน 2560 ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ จะจัดอีเวนต์ตามห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ทั้งในพื้นที่ปริมณฑล และต่างจังหวัด อาทิ ห้างโรบินสัน สาขาถนนศรีสมาน (ดอนเมือง) สาขาฉะเชิงเทรา ราชบุรี บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด ฯลฯ และจะจัดอีเวนต์ต่อเนื่องในช่วงเดือนพฤษภาคมอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่สนใจจะสร้างบ้านหลังใหม่ในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง พร้อมกันนี้ยังเตรียมโปรโมชันพิเศษมอบให้ลูกค้าที่จองสร้างบ้าน เช่น ส่วนลดเงินสด 1 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่จองสร้างบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป แถมฟรี เครื่องปรับอากาศประหยัดไฟเบอร์ 5 จำนวน 2-3 เครื่อง ถังเก็บน้ำ-ปั้มน้ำ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีโปรฯ ฟรี อัปเกรดวัสดุช่วยประหยัดพลังงาน อาทิ ฉนวนกันความร้อนสเตย์คูล สีทาบ้านประหยัดพลังงาน TOA อิฐมวลเบาความหนา10 เซนติเมตร พื้นไม้ลามิเนตทนน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย

          กิจกรรมส่งเสริมการขายครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อคืนกำไรลูกค้าเนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปีของบริษัทฯ รวมทั้งเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และการตัดสินใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่กำลังจะสร้างบ้านหลังใหม่ ซึ่งส่วนลดเงินสด และมูลค่าของแถมต่างๆ จากโปรโมชันครั้งนี้ถือว่ามีมูลค่าสูงที่สุดในรอบ 5 ปีที่เคยมอบให้ลูกค้า โดยบริษัทฯ คาดว่า จะมียอดขายไตรมาส 2 นี้ ประมาณ 240-270 ล้านบาท
       
          สำหรับบรรยากาศการแข่งขันตลาดรับสร้างบ้านเมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2 พบว่าการแข่งขันของกลุ่มผู้ประกอบการชั้นนำไม่รุนแรงมากนัก หรือยังคงแข่งขันกันเป็นปกติ แต่ที่น่าเป็นกังวล คือ การเข้ามาในตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ เพราะหลายๆ รายทำการตลาดผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่แน่ชัดว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ ทั้งนี้ หากว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาหลอกลวงโดยใช้วิธีรับสร้างบ้านราคาต่ำเกินจริง หรือราคาต่ำกว่าทั่วๆ ไป เป็นตัวจูงใจให้ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อาจสร้างความเสียหายตามมาทั้งในส่วนของผู้บริโภค และความน่าเชื่อถือของภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้าน
       
          “จึงฝากเตือนผู้บริโภคก่อนตัดสินใจ ควรตรวจสอบหลักแหล่ง หรือที่อยู่ของผู้ประกอบการให้มั่นใจเสียก่อน อย่าได้หลงเชื่อคำกล่าวอ้างใดๆ เช่น มักอ้างว่าซื้อวัสดุได้ราคาต่ำกว่าปกติ 30-50% ซึ่งไม่เป็นความจริงแน่ๆ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ผู้ประกอบการน้ำดีทั้งรายเดิม และรายใหม่ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้าน คงต้องช่วยกันเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนผู้บริโภคมิให้ตกเป็นเหยื่อ” นส.ถิรพร กล่าวเตือน