ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
28 ก.ย.2560

อสังหาฯ โหมเปิดโครงการใหม่ ส่อเค้าเหลือหน่วยขายสะสม

Line
 

          เข้าสู่ช่วงปลายไตรมาส 3 ปี 2560 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เร่งเปิดขายโครงการใหม่โดยเฉพาะในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก่อนจะพักกิจกรรมทางการตลาดในเดือนตุลาคม และเริ่มทำกิจกรรมทางการตลาดใหม่อีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ส่อเค้าทำให้หน่วยเหลือขายสะสมในตลาดสูงขึ้น ปัจจุบันรวมแล้วมีสินค้าเหลือขายกว่า 30,000 หน่วย ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล

คอนโดฯ เหลือขายกว่า 3 หมื่นหน่วย
          ฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด พบว่า การที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่วนโครงการเก่าที่เปิดขายก่อนหน้านี้ก็ยังขายไม่หมด ทำให้ยูนิตเหลือขายในตลาดสะสมมากขึ้น จากการสำรวจพบว่า ขณะนี้มีคอนโดมิเนียมเหลือขายในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประมาณ 30,300 หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท โดยคอนโดมิเนียมเหลือขายส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับราคา 50,000-100,000 บาท/ตารางเมตร ถึง 56% รองลงมาคือระดับราคา 100,000-150,000 บาท/ตารางเมตร ประมาณ 25% ในความเป็นจริงแล้วจำนวนคอนโดมิเนียมเหลือขายเท่านี้ อาจไม่ใช่เรื่องน่ากังวลนัก เนืองจากสามารถปิดการขายทั้งหมดได้ภายใน 1 ปี หากไม่มีโครงการอื่น ๆ เปิดขายใหม่

ผู้ประกอบการ จับจองพื้นที่แนวรถไฟฟ้า-หาจุดขาย
          การที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงต้องการผลประกอบการที่มากขึ้นทุกปี ๆ โดยที่ผ่านมาผู้ประกอบการหลายรายที่เปิดขายโครงการใหม่ต้องพยายามหาจุดขายตั้งแต่ทำเลที่ตั้ง รูปแบบโครงการ หรือจัดกิจกรรมทางการตลาด เพื่อสร้างความน่าสนใจและกระแสการรับรู้ในตัวโครงการให้มากขึ้น ผู้ประกอบการบางรายใช้กลยุทธ์เปิดขายพร้อมกันทั้งหมด 3-4 โครงการ เพื่อทำการตลาดพร้อมกันทีเดียว 
จากความกังวลด้านจำนวนคอนโดมิเนียมที่เหลือขายอยู่ในตลาด ทำให้ผู้ประกอบการต้องเลือกที่ตั้งโครงการและเพิ่มความรวดเร็วในการเปิดขายมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเลือกทำเลที่มีโครงการเหลือขายไม่มากนัก อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างซึ่งเป็นทำเลที่จะมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องอย่างแน่นอนทั้งโครงการภาครัฐ และโครงการภาคเอกชนรูปแบบอื่น ๆ ที่จะตามมาในอนาคต
 

ซีบีอาร์อี คาดปีหน้าตลาดอสังหาฯ ดีขึ้น
          ด้าน แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย คาดการณ์ว่า ในปี 2560 ยอดขายอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะมีการปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์เขตรอบนอกเมืองและต่างจังหวัด มียอดขายเฉลี่ยเพียง 60% เท่านั้น ในขณะที่พื้นที่ใจกลางเมือง และแนวรถไฟฟ้าที่มีทั้งการซื้อเพื่อการลงทุน และการอยู่อาศัยจริง มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 70% โดยสาเหตุที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็หนีไม่พ้นเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองภายในประเทศ ราคาที่ดินที่สูงขึ้น และความไม่สมดุลระหว่างผู้พัฒนาโครงการและกำลังซื้อของผู้บริโภค
สำหรับปีหน้าคาดการณ์ว่าบรรยากาศของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะดีขึ้นกว่าปีนี้ จากตลาดหุ้นที่ทำดัชนีนิวไฮ ส่งผลให้ผู้ที่มีกำไรจากตลาดหุ้นนำเงินมาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ในย่านธุรกิจ และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือทุนจากต่างประเทศทั้งที่มาซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและมาร่วมทุนกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ของไทย

          ทั้งนี้ แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ได้สำรวจพบว่า ประเทศไทยคือประเทศอันดับที่ 7 ที่ชาวจีนค้นหาเกี่ยวกับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในปี 2559 และเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากประเทศไทยได้รับความนิยมมากขึ้นในฐานะจุดหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีนในปัจจุบัน โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า จากประมาณ 1.1 ล้านคนในปี 2553 เป็น ประมาณ 8.8 ล้านคนในปี 2559 ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีโอกาสมากขึ้นในการขายที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อชาวต่างชาติ

          ประกอบกับกฎการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติในประเทศไทย อนุญาตให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ได้ไม่เกิน 49% ของปริมาณพื้นที่ขายทั้งหมดในคอนโดมิเนียมนั้น ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น
 


ที่มา : http://www.ddproperty.com
(วันที่ 28 กันยายน 2560)