นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน มองรับสร้างบ้านปี 57 แนวโน้มเติบโตหรือทรุดตัวพอๆ กัน เผยนโยบายขับเคลื่อนของสมาคมฯ เน้นเดินหน้าตาม 5 ยุทธศาตร์การพัฒนาที่วางไว้ต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมารตฐานธุรกิจและสมาชิกให้เป็นที่ยอมรับยิ่งขึ้น ประเมินแชร์ส่วนแบ่งของกลุ่มรับสร้างบ้านมีจำนวน 8 พันหน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ขณะที่บ้านสร้างเองทั่วประเทศมีจำนวนเกือบ 8 หมื่นหน่วย เหตุผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังไม่พร้อมให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ

นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่าแนวโน้มและทิศทางตลาดรับสร้างบ้านปี 2557นี้ ประเมินล่าสุดมีโอกาส 50:50ที่จะเติบโตหรือหดตัว ทั้งนี้ เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาการชุมนุมประท้วงของประชาชนที่มีมาต่อเนื่องกว่า 3 เดือน และยังคงยืดเยื้อโดยไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะยุติลงเมื่อไร ซึ่งปัญหาการเมืองดูจะเป็นปัจจัยลบสำคัญที่ฉุดให้ตลาดรวมรับสร้างบ้านชะลอตัวในปีนี้ อย่างไรก็ตาม โอกาสการเติบโตของภาพรวมธุรกิจก็มีเช่นกัน ทั้งนี้ ก็เพราะผู้ประกอบการมีการขยายตลาดใหม่ในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น ทั้งการขยายสาขาของรายเดิมและการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ โดยพบว่าทำเลหรือพื้นที่ที่มีการขยายตลาด และเข้ามาแข่งขันกันมากที่สุด ได้แก่ ภาคอีสานและภาคกลาง เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี สระบุรี ราชบุรี ฯลฯ เป็นต้น

ในปีที่ผ่านมา นโยบายและการขับเคลื่อนของสมาคมฯ เพื่อพัฒนาตลาดรวมรับสร้างบ้านให้เติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคดังเป้าหมายที่ได้วางไว้นั้น การดำเนินงานต่าง ๆ สมาคมฯได้ยึดถือ 5 ยุทธศาสตร์ตามที่กำหนดไว้เป็นแผนระยะยาว อันได้แก่ 1.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมาชิก 2.พัฒนาทักษะและความรู้ของสมาชิก เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน 3.การส่งเสริมจริยธรรมวิชาชีพและรับผิดชอบต่อสังคม 4.ส่งเสริมธุรกิจรับสร้างบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 5.การสร้างตลาดใหม่และแข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์ โดยผลงานหรือความสำเร็จที่เกิดขึ้นถือว่าพอใจในระดับหนึ่ง อาทิเช่น บุคคลากรที่จะเข้ามาปฎิบัติงานกับสมาชิก จะต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น และได้รับวุฒิบัตรก่อนปฎิบัติงานจริง การดำเนินธุรกิจโดยเข้าระบบภาษีอย่างถูกต้อง การไม่กล่าวร้ายหรือโจมตีคู่แข่งในการแข่งขันระหว่างกัน ฯลฯ เป็นต้น

สำหรับในปี 2557 นี้ แผนการดำเนินงานของสมาคมฯ จะยังยึดแนวทางตามกรอบยุทธศาสตร์ที่วางไว้ต่อเนื่อง แต่จะเน้นให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมาชิก ทั้งในเรื่องการยกระดับมาตรฐานการสร้างบ้าน ที่จะลดการพึ่งพาแรงงานให้น้อยลง และหันมาใช้เครื่องมือหนักและเครื่องมือเบาในการก่อสร้างบ้านมากขึ้น เช่น รถเครน เครื่องฉาบปูน  เครื่องพ่นสี ฯลฯ เป็นต้น โดยสมาคมฯพยายามผลักดันและส่งเสริมให้สมาชิกเปลี่ยนมาใช้วิธีก่อสร้างบ้าน ที่เน้นใช้ช่างเทคนิคและเครื่องมือแทนการใช้แรงงาน เพื่อจะยกระดับมาตรฐานการสร้างบ้าน ของสมาชิกให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น ในส่วนของการสื่อสารกับผู้บริโภคตามแผนปีนี้ สมาคมฯจะจัดงาน Thailand Home Builder Fair 2014 หรือ THBF’14 ขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อจะทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านได้พบกับสมาชิกจากทั่วประเทศ แต่เนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย เพราะมีการชุมนุมประท้วงของประชาชน ทำให้สมาคมฯ ต้องเลื่อนการจัดงานออกไปก่อน พร้อมกันนี้ได้ปรับแผนฯ หันไปจัดกิจกรรมทางการตลาดในภูมิภาคหรือต่างจังหวัดเเทน รวมทั้งกระตุ้นให้สมาชิกหันมาเน้นการใช้สื่อโซเซียลมีเดียมากขึ้น เพราะเป็นวิธีการสื่อสารเเบบ 2 ทางหรือทูเวย์ และยังสามารถวัดผลสำเร็จของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าสื่อประเภทอื่น ที่สำคัญถือเป็นสื่อที่มีต้นทุนต่ำที่สุด

นายสิทธิพรกล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณบ้านสร้างเองทั่วประเทศในปี 2557 นี้ คาดว่ามีจำนวนประมาณ 7.9 หมื่นหน่วย โดยผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมีส่วนเเบ่งตลาด 8 พันหน่วย หรือประมาณร้อยละ 10 ของปริมาณทั้งหมด ส่วนที่เหลือผู้บริโภคยังคงใช้บริการผู้รับจ้าง หรือผู้รับเหมารายย่อยเป็นหลัก ทั้งนี้เพราะ 1.บริษัทรับสร้างบ้านยังไม่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศได้มากพอ 2.กลุ่มบ้านสร้างเองที่มีขนาดเล็กหรือราคาต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทมีสัดส่วนอยู่มาก ซึ่งถือว่าไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของรับสร้างบ้าน ฯลฯ ดังนั้น เมื่อมีการขยายสาขาของรายเดิม และการเข้ามาของรายใหม่ โดยเลือกเจาะพื้นที่ตลาดใหม่ๆ จึงเป็นการเพิ่มโอกาส ให้ตลาดรวมรับสร้างบ้านขยายตัวได้ในปีนี้ อย่างไรก็ดี ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่ท้าทายผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน เพราะมีทั้งปัจจัยลบทางการเมืองที่ต้องฝ่าไปให้รอดพ้น และโอกาสที่รออยู่ข้างหน้า เมื่อประเทศไทยเปิดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1392277000