ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
04 ธ.ค.2560

แก้จน เฟส 2 กับการตามแก้ปัญหา “บัตรคนจน”

Line

 

          หลังจากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หัวหอกทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ตั้งเจตนารมณ์ไว้ว่า “ปี 61 ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากความจน” ก็ดูเหมือนหลายหน่วยงานจะเร่งดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยอาวุธสำคัญในการแก้จนก็หนีไม่พ้นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ที่ปัจจุบันอยู่ในมือของผู้มีรายได้น้อยแล้วกว่า 11 ล้านคน ซึ่งล่าสุดทางกระทรวงการคลังก็เตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเดินหน้าจัดทำโครงการผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2

คืบหน้า “แก้จน” เฟส 2 คาดทันใช้ต้นปี 61

          ความคืบหน้าการจัดทำโครงการสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ระยะที่ 2 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อจัดแพ็กเกจช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในระยะต่อไป โดยเบื้องต้นได้กำหนดไว้ 4 มาตรการ ได้แก่

1. มาตรการสร้างงาน สร้างอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียน โดยกลุ่มเป้าหมายสำคัญ คือช่วงอายุ 18-60 ปี ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้ หลุดพ้นจากความยากจน โดยเบื้องต้นได้ให้กระทรวงแรงงานไปสำรวจความต้องการในการใช้แรงงานในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำความคืบหน้ามาหารือถึงแนวทางการดึงผู้มีรายได้น้อยเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างตรงจุด
2. มาตรการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการทำธุรกิจส่วนตัว 
3. มาตรการส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับการศึกษา ยกระดับความรู้ การอบรมทักษะแรงงาน 
4. มาตรการส่งเสริมให้มีการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม

          ทั้งนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปและประกาศรายละเอียดโครงการระยะที่ 2 ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ และเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ต้นปี 2561 เป็นต้นไป

ส่องความต้องการ “คนจน” อยากได้อะไร

          จากผลสำรวจของกระทรวงการคลัง และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยใช้ข้อมูลจากผู้ที่มาลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.43 ล้านคน พบว่า ผู้มีรายได้น้อยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร รองลงมาประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างเอกชนและรับจ้างทั่วไป อยู่บ้านเฉย ๆ เป็นพ่อบ้าน แม่บ้าน และคนชรา เป็นผู้ว่างงาน ประกอบธุรกิจส่วนตัว นักเรียน นักศึกษา รับจ้างขับรถโดยสาร และข้าราชการ ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน หรือรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี จำนวน 5.1 ล้านคน

          ด้านภาระค่าใช้จ่ายพบว่า ผู้มีรายได้น้อย 82.7% มีภาระค่าใช้จ่ายภายในบ้าน แต่ว่าส่วนใหญ่ 34.1% มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า 3,001 บาท/เดือน ส่วนการเป็นหนี้นอกระบบพบว่า 85.9% ไม่มีหนี้นอกระบบ มีเพียง 13.7% ที่ระบุว่ามีหนี้นอกระบบ ซึ่งในจำนวนนี้ 10.6% กู้เงินมากกว่า 10,000 บาท

          ผู้มีรายได้น้อยต้องการให้รัฐช่วย 5 อันดับแรก คือลดค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า 82.1% ลดภาระค่าสินค้าอุปโภคบริโภค 66.4% ลดภาระค่ารักษาพยาบาล 47.2% เพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา 39.5% และลดภาระค่าอุปกรณ์การศึกษาของลูกหลาน 30.7%

          นอกจากนี้ ยังมีต้องการความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ อาทิ ต้องการให้ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง การจัดให้มีประกันอุบัติเหตุ ต้องการให้ช่วยผู้มีรายได้น้อยจริง ๆ ให้เข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมายังเข้าไม่ถึง โดยเฉพาะเบี้ยยังชีพคนชรา ต้องการให้ช่วยหางานให้ทำในภูมิลำเนา ต้องการให้จัดหาที่ดินทำกินให้ และเพิ่มทุนการศึกษาเด็กยากไร้
 

เครื่อง E-ticket บนรถประจำทาง พบปัญหารูดบัตรผู้มีรายได้น้อยไม่ได้ ภาพ via facebook.com/jumpupthailand


E-Ticket จ่อเหลว ใช้รูดบัตรคนจนไม่ได้

          มีความคืบหน้ากันแล้ว ก็มาต่อกันที่เรื่อง “ถอยหลัง” กันบ้าง กับนโยบายที่เชื่อมโยงกับบัตรคนจน และยกระดับระบบการขนส่งของไทยให้ทัดเทียมนานาประเทศที่เจริญแล้วอย่างระบบจ่ายเงินอัตโนมัติบนรถประจำทาง ที่ดูเหมือนไม่ทันได้เริ่มใช้ก็สะดุดแล้ว โดย นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า หลังจากมีการติดตั้งเครื่อง E-ticket บนรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ไปแล้วกว่า 700 คัน ล่าสุดจากการทดสอบพบว่า E-ticket ที่ติดตั้งบนรถประจำทางล็อตแรกจำนวน 100 คัน ใช้ได้เพียง 65 คันเท่านั้น โดยไม่สามารถอ่านบัตรคนจนได้

          สำหรับเครื่องชำระค่าโดยสารแบบหยอดเหรียญอัตโนมัติ หรือ Cash box ที่จะต้องติดตั้งบนรถประจำทางจำนวน 2,600 คัน ซึ่งขณะนี้ติดตั้งไปแล้วประมาณ 200 คัน แม้จะยังไม่ได้เริ่มทดสอบระบบ แต่เท่าที่ดูพบว่าไม่สามารถใช้งานได้จริงและอาจจะมีปัญหาด้วยเช่นกัน จึงอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะสามารถชะลอหรือยกเลิกสัญญาการติดตั้ง Cash box ได้หรือไม่ หากระบบมีปัญหาหรือเอกชนไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญา เพื่อจำกัดไม่ให้ความเสียหายขยายวงมากขึ้น

          ดูๆ ไปแล้วก็มีทั้งส่วนที่คืบหน้าและส่วนที่ต้องตามแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งปัญหาเก่า อาทิ การใช้บัตรคนจนซื้อสินค้าธงฟ้าแบบผิดหลักการ โดยฮั้วกับร้านนำไปแลกเป็นเงินสด และปัญหาจากนโยบายใหม่ๆ อาทิ การแจกซิมอินเตอร์เน็ต แต่ผู้มีรายได้ไม่มีสมาร์ทโฟน ก็ไม่รู้ว่าแก้จนกับแก้ปัญหาจากนโยบายแก้จนอันไหนจะเสร็จก่อนกัน หรือจะเป็นมหกรรมตำน้ำพริกละลายแม่น้ำครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของประเทศไทย

ที่มา : www.ddproperty.com
(วันที่ 4 ธันวาคม 2560)