ตราช้างส่งกระเบื้องลอนคู่ หนา 6 มม.ลุยตลาดภูธร

“ตราช้าง” เปิดตัวกระเบื้องหลังคาใหม่ “หลังคาตราช้าง รุ่นลอนคู่ สูตรใหม่ 6 มม.” ชูจุดเด่นแข็งแรง ทนทาน รองรับได้ทุกสภาพภูมิอากาศ เคลือบสี 2 ชั้นติดทนนาน พร้อมทุ่มงบการตลาด 20 ล้านบาท จัดคาราวานแนะนำสินค้าทั่วปรเทศ มั่นใจช่วยดันยอดขายกลุ่มหลังคาตราช้างโต 1-2% จากปี 2556 ที่มียอดขายกว่า 6,900 ล้านบาท
      
       นายบุญส่ง ปิติสุขฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดหลังคาและอุปกรณ์ ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกระเบื้องหลังคาในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการชะลอของเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง ส่งผลให้ตลาดโดยรวมชะลอตัวลง จากเดิมที่ต้นปีคาดว่าตลาดจะมีการเติบโตประมาณ 5-6% แต่ปัจจุบันคาดว่าจะเติบโตเพียง 1-3% ตามการเติบโตของ GDP โดยคาดว่ามูลค่าตลาดรวมจะอยู่ที่ประมาณ 16,000-17,000 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายยอดขายในปีนี้ลงเท่ากับทิศทางของตลาด คือ โตประมาณ 1-3% จากปี 56 ที่มียอดขาย 6,900 ล้านบาท
      
       ที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดนิ่ง โดยพบว่าเรื่องภัยธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศ และสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เจ้าของบ้าน ต้องตระหนักถึงความสำคัญในการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่คุณภาพดี มีความแข็งแรงทนทาน เพื่อให้พร้อมรับมือกับทุกสภาพอากาศ ทั้งอากาศที่ร้อนอบอ้าว พายุฝนกระหน่ำ พายุลูกเห็บ สภาพอากาศที่แปรปรวนยากจะควบคุม หรือคาดการณ์ได้
      
       ล่าสุด จึงได้เปิดตัวนวัตกรรมหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์สูตรใหม่ “หลังคาตราช้าง รุ่นลอนคู่ สูตรใหม่ 6 มม.” ด้วยเทคโนโลยี ไฟเบอร์ แอ็กทีฟ พลัส ผสานโมเลกุลปูนซีเมนต์ตราช้าง กับเส้นใยสังเคราะห์พิเศษ ให้ผลลัพธ์เป็นเนื้อกระเบื้องสูตรใหม่ที่เหนียว ทนทาน และหนาถึง 6 มม. ทำให้สามารถรองรับได้ทุกสภาพภูมิอากาศ และสภาพภูมิประเทศ พร้อมเทคโนโลยีการเคลือบสี 2 ชั้น เนื้อสีปรับสูตรใหม่ให้มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สีสวยติดทนนาน โดยมี 12 เฉดสี ได้แก่ 5 สีประกายมุก (สีแดงประกายมุก สีน้ำเงินประกายมุก สีเขียวประกายมุก สีม่วงประกายมุก และสีส้มประกายมุก) และ 7 เฉดสีสวย เงางาม (สีเขียว สีหมากสุก สีเขียวสมุทร สีแดง สีน้ำทะเล สีเปลือกมังคุด และสีเทา)
      
       นอกจากนี้ ยังมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อสุขภาพเพราะไม่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน ในราคาประมาณ 63 บาท/แผ่น ขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาคหรือตามค่าขนส่ง โดยมีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านเอสซีจี โฮมโซลูชัน เซ็นเตอร์, ตราช้าง รูฟฟิ่ง เซ็นเตอร์, โฮมมาร์ท และร้านค้าวัสดุก่อสร้างชั้นนำทั่วไป
      
       สำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้ ใช้กลยุทธ์ในการมุ่งสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่น และความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายคือ เจ้าของบ้านที่เป็นกลุ่ม Mass ช่าง และผู้รับเหมารายย่อย ด้วยกิจกรรมการตลาดที่ครบวงจรภายใต้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท โดยได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณาเพื่อตอกย้ำถึงคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์ ในชื่อชุด “อย่างหนา 6 มม.” ความยาว 30 วินาที และ 15 วินาที ซึ่งได้เริ่มออกอากาศไปแล้ว นอกจากนี้ ยังเน้นกิจกรรมที่เป็น Local Activity สร้างการรับรู้ และจดจำในตราสินค้า พร้อมทั้งสร้างความประทับใจในตัวผลิตภัณฑ์ผ่านการจัดคาราวานลงพื้นที่ต่างจังหวัด และหัวเมืองสำคัญในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อแนะนำ และสาธิตคุณสมบัติ โดยจะเริ่มจากภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือก่อนและกระจายไปทั่วประเทศ
      
       “เรามั่นใจว่าด้วยการพัฒนานวัตกรรมหลังคาสูตรใหม่ที่เกิดจากการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ประกอบกับคุณสมบัติที่เหนือกว่าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จริง จะทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมายภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยในปี 2557 เราตั้งเป้าหมายยอดขายในกลุ่มหลังคาตราช้างเติบโตตาม GDP ที่ 1-2% จากปี 2556 ที่มียอดขายกว่า 6,900 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายได้ ด้วยทิศทางการดำเนินงานที่มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานแก่ลูกค้าได้มากขึ้น ในทุกเซกเมนต์ ทั้งในกลุ่ม Economy กลุ่ม Medium และกลุ่ม High รวมถึงการวางกลยุทธ์ทางการตลาด ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละเซกเมนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายบุญส่งกล่าว

ที่มา :  ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2557
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspxNewsID=9570000034343