เอกชนยันแผ่นดินไหวเชียงราย ไม่กระทบราคาขายที่ดิน แต่ตลาดซึมจากเศรษฐกิจ-การเมือง
 
          นายธนากร สร้อยสุวรรณ ที่ปรึกษาหอการค้า จ.เชียงราย และคณะอนุกรรมการร่างผังเมือง จ.เชียงราย เปิดเผยว่า จากการเกิดแผ่นดินไหวใน จ.เชียงราย ครั้งใหญ่เมื่อวันที่5 พ.ค.ที่ผ่านมา และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอย่างต่อเนื่องซึ่งจากการเข้าไปสำรวจราคาที่ดินใน จ.เชียงรายพบว่าราคาขายที่ดินนั้นไม่ได้ต่ำลงอย่างที่หลายคนแสดงความกังวลใจและราคาส่วนใหญ่อยู่ในภาวะทรงตัว
 
          "ราคาที่ดินใน จ.เชียงราย นั้น ส่วนใหญ่อยู่ในภาวะทรงตัวไม่มีการปรับลดลงและก็ไม่ขยับขึ้น ซึ่งการเกิดสึนามิครั้งใหญ่ใน จ.ภูเก็ต ก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าราคาที่ดินในภูเก็ตก็ไม่ได้ปรับลดลง หรือแม้แต่ในประเทศญี่ปุ่นการเกิดแผ่นไหวบ่อยครั้งก็ไม่ได้ทำให้ราคาที่ดินลดลง มีแต่จะปรับเพิ่มสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ"นายธนากร กล่าว
 
          ด้าน นายสุกิจ ตรัยวนพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟายน์โฮม เฮาส์ซิ่งดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาที่ดินใน จ.เชียงราย ไม่ได้ปรับลดลง แม้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง แต่สิ่งที่ยังเห็นได้ชัดคือ การซื้อคอนโดมิเนียมชะลอตัวในช่วงสั้น หรือประมาณ 2-3 เดือนเนื่องจากลูกค้าเกิดความกังวลใจว่าเหตุการณ์อาจจะกลับมาเกิดขึ้นซ้ำได้อีกแต่ก็เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่ส่งผลระยะยาวโดยที่บริษัทยังเดินหน้าแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมใน จ.เชียงราย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
 
          ทั้งนี้ จ.เชียงราย ยังถือว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการค้าชายแดนและโลจิสติกส์ที่จะเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่ต่อเนื่องแต่ในระยะสั้นคงจะชะลอตัวจากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องให้ข้อมูลกับผู้บริโภคและเชื่อว่าตลาดจะกลับคืนสู่สภาวะปกติในไม่ช้า
 
          นายจรินทร์ พงษ์เย็น ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ กล่าวว่า ราคาที่ดินใน จ.เชียงราย ขยับขึ้นมากในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมาถึง 100% หลังจากเปิดตัวของศูนย์การค้าและธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ อย่างเซ็นทรัล และเทสโก้ โลตัส
 
          "ถนนพหลโยธินใน จ.เชียงราย เป็นเส้นที่ราคาปรับขึ้นสูงสุด โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5 หมื่น-1แสนบาท/ตารางวา  แต่ขณะนี้ราคาขายยังคงเฉลี่ยใกล้เคียงเดิมไม่ได้มีการลดลง" นายจรินทร์ กล่าว
 
          อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมนั้นได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมามีจำนวนยูนิตที่เปิดใหม่ต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ 800-1,000 ยูนิตต่อปี ส่วนใหญ่มียอดขายไม่ต่ำกว่า70-80%
 
          "แม้กฎหมายจะกำหนดว่าอาคารสูงที่สร้างเกิน 15 เมตร ก่อนปี 2550 จะต้องสร้างให้ทนกับแผ่นดินไหวได้ 7 ริกเตอร์ก็ตาม แต่เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้นกำลังซื้อในตลาดช่วงสั้นๆ หายไป เพราะกลุ่มผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจและอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก โดยที่ผู้ประกอบการรายท้องถิ่นอาจจะเสียเปรียบเรื่องแบรนด์สินค้า"นายจรินทร์ กล่าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ฉบับวันที่ 12 มิถุนายน 2557
http://www.reic.or.th/News/News_Detail.aspx?newsid=47090