อสังหาฯ หวั่นเกิดปัญหาก่อสร้าง หลังแรงงานกัมพูชาหนีกลับประเทศจำนวนมาก คาดกระทบส่งมอบบ้านล่าช้า 2-3 เดือน วอน คสช. ประกาศนโยบายแรงงานต่างด้าวให้ชัดเจน เอกชนพร้อมทำตามเพราะอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงาน แนะวางกติการ่วมกันเพื่อทุกฝ่ายทำงานร่วมกันได้
      
       จากกระแสข่าวลือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมายในไทย ทำให้แรงงานชาวกัมพูชาแตกตื่นกลัวถูกกวาดล้างต่างเดินทางกลับประเทศจำนวนมาก โดยผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีแรงงานกัมพูชาเกือบ 150,000 คน เดินทางจากไทยกลับประเทศซึ่งปรากฏการณ์ครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของกัมพูชา และจากข้อมูลแรงงานชาวกัมพูชาในไทยพบว่า มีประมาณ 2 แสนราย ในจำนวนนี้เป็นแรงงานถูกกฎหมายเพียง 80,000 รายเท่านั้น
      
       การหนีกลับประเทศจำนวนมากของแรงงานกัมพูชา ย่อมส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจ เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และประมง อย่างแน่นอน เพราะต้องยอมรับว่าไทยยังต้องพึ่งพิงแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก เพราะแม้ว่าที่ผ่านมา จะมีแรงงานต่างด้าวทำงานในไทยกว่า 3 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานถูกกฎหมาย 2.2 ล้านคน จาก 3 ประเทศหลัก เป็นชาวพม่า 80%, กัมพูชา 15% และ สปป.ลาว 5% แต่จำนวนดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ และยิ่งแรงงานกัมพูชาหายไปอีกกว่า 1.5 แสนล้านราย ย่อมส่งผลกระทบอย่างแน่นอน
      
       นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้แรงงานภาคอสังหาริมทรัพย์ยังขาดแคลน จำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวถึง 80% ของแรงงานทั้งหมด โดยแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่มาจากประเทศพม่า และกัมพูชาเป็นหลัก เมื่อเกิดกระแสตื่นตระหนกแรงงานกัมพูชาแห่กลับบ้าน ย่อมส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาการก่อสร้างล่าช้า จึงอยากให้ทางการมีความชัดเจนเรื่องนโยบายแรงงานต่างด้าว ทั้งการปราบปราม และการนำเข้าแรงงานอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งผู้ประกอบการพร้อมจะทำตาม เพราะอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงาน

อสังหาฯ ระบุเกิดปัญหาก่อสร้างแน่หลังแรงงานเขมรหนีกลับประเทศ ส่งมอบบ้าน-คอนโดฯ ล่าช้าแน่ 3 เดือน
      
       นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย ยอมรับว่า หากเกิดกระแสแรงงานต่างด้าวแห่กลับประเทศจำนวนมากอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ จะส่งผลกระทบทำให้การขึ้นโครงการใหม่ๆ และการส่งมอบบ้าน หรือคอนโดมิเนียมต้องล่าช้าออกไป 2-3 เดือน เพราะว่าแรงงานต่างด้าวถือเป็นปัจจัยหลักในภาคอสังหาริมทรัพย์
      
       โดยแรงงงานต่างด้าวที่กระจายอยู่ทั่วประเทศจำนวนมาก ในกรุงเทพฯ มีประมาณ 3 แสนคน นอกจากนี้ แรงงานต่างด้าวยังมีความสำคัญต่อภาคการก่อสร้างอื่นๆ ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เช่น ในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งประเทศไทยมีแผนที่จะดำเนินการอีกเป็นจำนวนมากในระยะต่อไป จึงอยากให้รัฐมีความชัดเจน และวางกติการ่วมกัน เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้
       
‘เอพี’ขอประเมิน 1 สัปดาห์ก่อนปรับแผนรับมือ
      
       ด้านนายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีแรงงานกัมพูชา ทยอยกลับประเทศ จนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจก่อสร้างในขณะนี้ ยังไม่ส่งผลกระทบต่องานก่อสร้างของ เอพี แต่ได้รับการายงานจากผู้รับเหมาก่อสร้างมาบ้างแล้ว ซึ่งในเรื่องดังกล่าวบริษัทอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ ว่า มาตรการดูแลปัญหาเรื่องแรงงานเถื่อนของ คสช. จะส่งผลกระทบต่อภาคงานก่อสร้างมากน้อยอย่างไร
      
       ทั้งนี้ หากมาตรการดังกล่าวส่งผลต่อภาพรวมตลาดก่อสร้างมากจนกระทบถึงงานก่อสร้างโครงการ เอพี จะต้องปรับแผนงานก่อสร้างใหม่โดยหันไปเน้นงานก่อสร้างโครงการที่เร่งด่วน หรือโครงการที่มีกำหนดต้องส่งมอบ หรือโอนบ้านให้แก่ลูกค้าก่อนโครงการอื่นๆ เพื่อให้ไม่เกิดผลกระทบต่อลูกค้า
      
       อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ เอพี มีนโยบายการปัดฝุ่นแผนการลงขยายการทุนโครงการคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้า ที่มีการเริ่มงานก่อสร้างไปแล้วกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ส่วนแผนการลงทุนโครงการคอนโดฯ ในต่างจังหวัดนั้นให้เลื่อนการลงทุนในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และหัวหิน ออกไปก่อน ส่วนโครงการคอนโด แอสปาย ในจังหวัดอุดรธานี และขอนแก่นที่เปิดตัวไปแล้วนั้น ขณะนี้ยังมียอดขายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวมียอดขายแล้ว 60% และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ตามเป้าเดิมที่วางไว้

ที่มา :   ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มิถุนายน 2557
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000067791