ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
29 พ.ค.2566

พีดีเฮ้าส์หนุนนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ คาดดันต้นทุนพุ่งสูงสุด 17%

Line

 
      พีดีเฮ้าส์ จับตารอความชัดเจนจัดตั้งรัฐบาล ห่วงช่วงสุญญากาศฉุดเศรษฐกิจชะงัก กระทบการลงทุน ยกมือเชียร์นโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400-450 บาท คาดต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่ม 17% แต่เชื่อรัฐมีมาตรการรองรับ ผู้ประกอบการปรับตัวได้เอง

         นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลมีความล่าช้าออกไปหรือยังอยู่ในภาวะรัฐบาลรักษาการอาจส่งผลให้การลงทุนจากภาคเอกชนและภาครัฐต้องชะงักลง แน่นอนว่าไม่ส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ เพราะการเกิดภาวะสุญญากาศทางการเมืองย่อมส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้านตลอดช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มีสัญญานชัดเจนถึงการชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านของผู้บริโภค นอกเหนือจากความกังวลต่อเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ และอีกปัจจัยคือประชาชนรอเห็นโฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ หรือการเปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจทางการเมืองก่อนจะตัดสินใจลงทุนเรื่องบ้าน หรือที่อยู่อาศัยหลังใหม่

       “สำหรับพรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างรอคณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองผล และเตรียมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เพื่อจะเข้ามาบริหารประเทศนั้น มีหนึ่งในนโยบายสำคัญคือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จากปัจจุบันวันละ 328-354 บาท เพิ่มเป็น 400-450 บาท โดยอาจแบ่งการปรับเพิ่มค่าแรงออกเป็นระยะนั้น ซึ่งมีเสียงตอบรับจากภาคธุรกิจทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ในส่วนของพีดีเฮ้าส์ นั้นยืนยันว่าเห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว ด้วยเหตุผลว่าสอดคล้องและเหมาะกับค่าครองชีพของประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบัน และเมื่อประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจะช่วยทำให้การค้าการขายและเศรษฐกิจประเทศค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ด้านผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่มีความเป็นมืออาชีพมั่นใจว่าปรับตัวได้ไม่ยาก เพราะเคยผ่านประสบการณ์ลักษณะนี้มาแล้วเมื่อปี 2556 ที่รัฐบาลมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากวันละ 215-220 บาท เป็นวันละ 300 บาท นอกจากนี้ เชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่น่าจะมีแผนหรือมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งออกมารองรับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี”

       อย่างไรก็ดี แม้จะมั่นใจว่าผู้ประกอบการจะสามารถปรับตัวได้ไม่ยาก แต่ฟากผู้บริโภคคงไม่อาจหนีพ้นราคาบ้านหลังใหม่ที่ปรับขึ้นจากเดิม โดยจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าต้นทุนค่าก่อสร้างบ้านจะปรับขึ้น 15-17% ยกเว้นรัฐบาลมีมาตรการออกมาชดเชย และผู้ประกอบการจะช่วยรับภาระไว้ส่วนหนึ่งจะไม่ทำให้ราคาบ้านปรับสูงขึ้นมากเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านยังคงปรับสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 7-8% สำหรับผู้บริโภคที่ตัดสินใจสร้างบ้านภายหลังต้นทุนค่าแรงใหม่ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่


 
        น.ส.ถิรพร สุรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของสิทธิและผู้บริหารมาตรฐานศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ต้นทุนค่าก่อสร้างและราคาบ้านที่สูงขึ้นจากนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ อาจมองได้ว่าเป็นปัจจัยลบและเกิดผลกระทบที่ผู้ประกอบการจะต้องเร่งปรับตัว แต่การมีรัฐบาลชุดใหม่ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน และมีนโยบายที่จะพาประเทศไปในทิศทางใดอย่างชัดเจน ถือได้ว่าเป็นปัจจัยบวก เพราะผู้บริโภคและประชาชนจะเกิดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและการบริหารเศรษฐกิจประเทศซึ่งเป็นหัวใจสำคัญต่อภาคธุรกิจรวมถึงธุรกิจรับสร้างบ้าน เพราะการจะนำเงินมาลงทุนสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยนั้นจำเป็นที่ผู้บริโภคและประชาชนจะต้องมีความมั่นใจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต สะท้อนได้จากกำลังซื้อที่ชะลอตัวในช่วง 4 เดือนเศษที่ผ่านมา ทั้งนี้ พีดีเฮ้าส์คาดว่าระยะเวลา 8 เดือนที่เหลือของปีนี้ ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น


       ปัจจุบัน ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ภายใต้นิยาม “Build for the future” มีสำนักงานเปิดให้บริการรับสร้างบ้านทั่วประเทศรวม 31 สาขา โดยนโยบายหลักของการสร้างบ้านคือ “สร้างบ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” การันตีได้จาก 36 รางวัลบ้านอนุรักษ์พลังงาน ที่ได้รับจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสร้างบ้านกับพีดีเฮ้าส์แล้ว นอกจากจะได้บ้านคุณภาพ มีอายุการใช้งานยาวนาน ช่วยประหยัดการใช้พลังงานแล้ว พีดีเฮ้าส์ยังใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย โดยมีการติดตั้งระบบระบายอากาศเสียและเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ รวมถึงช่วยถ่ายเทความชื้นและไม่ทำให้เกิดเชื้อราภายในบ้านแม้ว่าจะปิดบ้านทิ้งไว้นานๆ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ

       ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ จึงมิใช่เพียงแค่ให้บริการสร้างบ้านคุณภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยลูกค้าลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่าย มีส่วนร่วมในการดูแลโลกหรือสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังมีระบบหรืออุปกรณ์ที่ช่วยดูแลสุขภาพของลูกค้าและสมาชิกในครอบครัวให้ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหืดหอบหรือภูมิแพ้ ซึ่งแม้ว่าราคาบ้านอาจจะสูงกว่าผู้ประกอบการสร้างบ้านทั่วไป แต่เป็นราคาที่จับต้องได้และเป็นธรรม โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นที่มีครบเหมือนๆ กัน


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 28 พ.ค. 2566