สมาคมอสังหาฯ เชื่อเก็บภาษีมรดกกดดันคนรวยย้ายเงินสดเก็บต่างประเทศ แถมบีบเจ้าของที่ดินกลางเมืองขายทรัพย์สินจ่ายภาษี หวั่นใช้จริงวุ่น แนะรัฐแจงรายละเอียดกฎหมาย พร้อมเร่งทำความเข้าใจประชาชน เผยเตรียมเข้าหารือสภาพัฒน์ขอความชัดเจนจัดเก็บภาษีที่ดินฯ
      
       นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ อุปนายกและเลขาธิการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กทรี แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า การผลักดันกฎหมายการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีมรดก ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งชี้แจงรายละเอียดข้อกฎหมาย และสร้างความเข้าใจให้ประชาชนได้รับรู้ในวงกว้าง
      
       โดยประเมินว่า การจัดเก็บภาษีมรดก จะทำให้ผู้ที่มีฐานะมั่งคั่งของไทยจำนวนไม่น้อยที่จะโอนทรัพย์สินประเภทเงินสดไปฝากยังประเทศที่ไม่มีการจัดเก็บภาษีมรดก เช่น สิงคโปร์ เป็นต้น ดังเช่นที่ผ่านมา ญี่ปุ่น จีน และหลายประเทศที่จัดเก็บภาษีมรดกในอัตราสูงมีผลให้ผู้มั่งคั่งโยกย้ายเงินสดไปไว้ยังประเทศที่ไม่จัดเก็บภาษีมรดก โดยเฉพาะสิงคโปร์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูง
      
       นายเลิศมงคล กล่าวเพิ่มว่า ภาษีมรดก มีข้อดีที่ลดความเหลื่อมล้ำ แต่ยังมีข้อเสียหลายประการ เช่น กรณีที่ผู้รับมรดกไม่มีเงินในการชำระภาษีมรดกจะมีทางออกเช่นไร หรือกรณีที่รับมรดกเป็นที่ดิน นอกจากจะต้องเสียภาษีมรดกแล้ว ยังต้องเสียภาษีที่ดินฯ ในแต่ละปีด้วย ถือเป็นความซ้ำซ้อนหรือไม่ ยกตัวอย่างกรณีที่บุตรหลานอยู่อาศัยในย่านใจกลางเมืองมานาน ซึ่งวันนี้มูลค่าที่ดินสูงขึ้นมาก นอกจากจะต้องชำระค่าภาษีมรดกแล้ว ยังต้องชำระภาษีที่ดินฯ ที่ค่อนข้างสูงจนอาจมีผลให้ต้องขายที่อยู่อาศัยนั้นๆ เพื่อชำระภาษีก็เป็นได้
      
       ส่วนภาษีที่ดินฯ 3 สมาคมของวงการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย เตรียมขอเข้าหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศค.) หรือสภาพัฒน์ เกี่ยวกับความชัดเจนของกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในหลายประเด็นที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบเมื่อประกาศใช้จริง เช่น เจ้าของบ้านในโครงการจัดสรรและคอนโดมิเนียมที่มีค่าใช้จ่ายส่วนกลางอยู่แล้ว สามารถที่จะผ่อนปรน หรือปรับลดอัตราในการเสียภาษีที่ดินฯ ได้หรือไม่
      
       รวมถึงกรณีที่เป็นนิติบุคคลบ้านจัดสรร และนิติบุคคลอาคารชุด ที่เป็นเจ้าของโฉนดทรัพย์สินส่วนกลาง เช่น ถนน ทะเลสาบ สวนสาธารณะ ฯลฯ ที่อยู่ภายในโครงการ ซึ่งหากดูตามกฎหมายภาษีที่ดินฯ แล้วก็ต้องเสียภาษีด้วยเช่นกัน จะมีทางออกเช่นไรที่จะไม่เป็นภาระเพิ่มเติมให้กับผู้อยู่อาศัย เพราะทรัพย์สินส่วนนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ หรือกรณีที่ดินจัดสรรของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อที่ดินแปลงใหญ่เพื่อพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร แล้วแบ่งเฟสการพัฒนา ที่ดินส่วนที่ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตจัดสรร ถูกจัดเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าหรือไม่ ฯลฯ

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000110864