สมาคม ไทยรับสร้างบ้านประเมินปี'58 ฟื้นตัว เห็นสัญญาณผู้บริโภคเริ่มติดต่อเข้ามามากขึ้น คาดตลาดโต 12% มูลค่ารวมทั่วประเทศกว่า 1.5 หมื่นล้าน แนะผู้ประกอบการสร้างบ้านเตรียมตัวรับเปิดเออีซี ยกระดับธุรกิจรุกตลาดประเทศเพื่อนบ้าน "ลาว-เมียนมาร์-กัมพูชา" ศึกษากฎหมาย-แรงงานให้รอบคอบ

นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า คาดการณ์ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านทั่วประเทศปี 2558 จะเติบโต 12% หรือมีมูลค่าตลาดรวม 1.52 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าตลาดในกรุงเทพฯและปริมณฑล 9.25 พันล้านบาท และต่างจังหวัด 5.95 พันล้านบาท จากปีนี้ประเมินภาพรวมตลาดจะติดลบ 5-6% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวและความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะดีขึ้น โดยนับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาเริ่มมีผู้บริโภคเข้ามาติดต่อสอบถามเพิ่ม ขึ้น ประกอบกับปลายปีหน้าจะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) น่าจะทำให้เศรษฐกิจคึกคักขึ้น

ทั้งนี้ สมาคมได้จัดงานสัมมนาทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย"58@ส่องธุรกิจรับสร้างบ้านยุค AEC โดยมีความเห็นว่าบริษัทรับสร้างบ้านซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็ม อีควรเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งในแง่การยกระดับธุรกิจเพื่อขยายตลาดออกสู่อาเซียน และเตรียมตัวรับมือผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่อาจเข้ามารุกตลาด เท่าที่ทราบมีผู้ประกอบการจากญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสวีเดนสนใจจะเข้ามาดำเนินธุรกิจ โดยมีจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยีก่อสร้างบ้านด้วยระบบสำเร็จรูป

สำหรับ ผู้ประกอบการที่จะรุกตลาดอาเซียน แนะนำว่าควรเริ่มขยายธุรกิจจากประเทศเพื่อนบ้านและที่อยู่ใกล้เคียงในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว สหภาพเมียนมาร์ และเวียดนาม จากการศึกษาพบว่าปัจจุบันมีประชาชนจาก สปป.ลาวต้องการว่าจ้างผู้ประกอบการไทยเข้าไปปลูกสร้างบ้านให้ อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจรับสร้างบ้านที่ สปป.ลาว กัมพูชา
และสหภาพเมียนมาร์จะ ต้องมีพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นร่วมทุน โดยบริษัทต่างชาติสามารถถือหุ้นสูงสุดไม่เกิน 49% ส่วนความต้องการปลูกสร้างบ้านใน สปป.ลาวมีหลากหลาย ตั้งแต่ราคากว่า 2-100 ล้านบาท

ดร.สราวุธ ไพฑูรย์พงษ์ นักวิชาการอาวุโส ฝ่ายการวิจัยทรัพยากรมนุษย์และพัฒนาสังคม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า กรณีผู้ประกอบการจะขยายธุรกิจรับสร้างบ้านในอาเซียนควรจะต้องศึกษาเรื่องแรง งานแต่ละประเทศ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำจากผลศึกษาพบว่า สปป.ลาวอยู่ที่วันละ 92 บาท, กัมพูชา 76 บาท และสหภาพเมียนมาร์ 20 บาท ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่พบคือสำหรับแรงงานฝีมือในกัมพูชา และ สปป.ลาว ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนและเวียดนาม และอัตราค่าจ้างใกล้เคียงของไทย คือวันละกว่า 300 บาทขึ้นไป

ดร.อุกฤษฎ์ มุสิกพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนบริหารงานการค้าบริการ สำนักการค้าบริการและการลงทุน กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่จะรุกตลาดอาเซียนจะต้องศึกษาข้อตกลงและสัญญา ระหว่างประเทศ เช่น สัญญาการค้าและบริการ, สัญญาด้านการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา, สัญญาด้านภาษีซ้อน, สัญญาด้านประกันสังคม ฯลฯ เนื่องจากในธุรกิจกาสิโนเคยเกิดกรณีต่างชาติเข้าไปลงทุนแล้ว ต่อมารัฐบาลประกาศปรับอัตราภาษีขึ้น 3-4 เท่า ส่งผลกระทบธุรกิจทันที

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์