“สิทธิพร สุวรรณสุต” บอสใหญ่แห่งพีดีเฮ้าส์ ชูจุดแข็งบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำของเมืองไทย รุกประเทศเพื่อนบ้านรับการเปิดเออีซี อาศัยหัวเมืองสำคัญตามแนวชายแดนเปิดประตูสู่ตลาดข้างเคียง เผยตลาดปีนี้ต่อเนื่องปี 58 ขยายได้ไม่มากนัก ชี้ต่างจังหวัดกำลังซื้อยังเติบโต เหตุความเจริญไปถึง ล่าสุด เซ็นสัญญากับบริษัท Lindab จากสวีเดน รับหน้าที่ทำตลาดโครงสร้างเหล็กเบาในไทย ซัปพอร์ต บริษัท เอคิวโฮม รุกรับสร้างบ้านเจาะตลาดระดับล่าง

       นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ว่า ในฐานะที่เป็นผู้บริหารบริษัทรับสร้างบ้าน มองว่าจังหวัดที่มีชายแดนต่อเนื่องประเทศข้างเคียง จะมีความเหมาะสมในการรุกขยายบริการธุรกิจสร้างบ้านได้ง่ายและเข้าถึงพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งหากเปรียบเทียบไปแล้ว ธุรกิจรับสร้างบ้านของไทยจะนำหน้าเมื่อเทียบกับประเทศ ลาว, เมียนมาร์, กัมพูชา และเวียดนาม สำหรับตลาดรับสร้างบ้านในปี 57 ผู้ประกอบการค่อนข้างเหนื่อยกับการที่ต้องขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตสวนกระแสกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่ปี 2558 คาดว่าตลาดไม่น่าจะขยายตัวได้มากนัก ทั้งนี้ จากการประเมินแนวโน้มการเติบโตของตลาดเฉพาะในส่วนของบริษัทรับสร้างบ้านจะอยู่ที่ประมาณ 15,000-16,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีมูลค่าตลาด 13,000 ล้านบาท หรือเติบโต 15-17% ขณะที่ตลาดสร้างบ้านรวมในปีนี้จะมีมูลค่าประมาณ 1.7 แสนล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.8-1.9 แสนล้านบาทในปีหน้า
      
       ในส่วนตลาดในต่างจังหวัดจะมีการขยายตัวมากกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล จากความเจริญที่ขยายตัวออกไปในหัวเมืองต่างๆ รวมถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปีหน้าจะทำให้เมืองเศรษฐกิจชายแดน และเขตเศรษฐกิจพิเศษที่รัฐบาลจะจัดตั้งขึ้นมีศักยภาพในการพัฒนามากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าตลาดภูมิภาคจะมีการขยายตัวประมาณ 8-10% ขณะที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะขยายตัว 2-3%
      
       “มองว่าตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัดมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความต้องการปลูกสร้างบ้านมีที่ดินรองรับ ความเจริญได้เข้าไปถึง ซึ่งพีดีเฮ้าส์ได้มีการปูพรมการเปิดสาขาในต่างจังหวัด ตามหัวเมืองสำคัญ เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน ได้รับบริการสร้างบ้านที่ได้มาตรฐาน ดังนั้น การเปิด AEC หากเราเข้มแข็งในชัยภูมิที่เราเก่งอยู่แล้ว เราก็ค่อยๆ ต่อจิ๊กซอว์ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ก้าวข้ามเลย ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ถูก ฐานไม่มั่นคง”
      
       นายสิทธิพร กล่าวเพิ่มว่า สำหรับพีดีเฮ้าส์ในปีนี้มียอดขายรวม 1,700-1,800 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2,000 ล้านบาท โดยในปีหน้าได้ตั้งเป้ายอดขายที่ 2,500 ล้านบาท จากการขยายสาขาเพิ่มครบ 50 สาขาตามเป้าหมาย และการนำระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมาใช้ในการขยายตลาดบ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญากับบริษัท Lindab ผู้ผลิตเหล็กจากสวีเดนในการนำโครงสร้างเหล็กมาใช้ในบ้านระบบสำเร็จรูปและจะเป็นผู้ทำตลาดให้
      
       “การนำระบบโครงสร้างเหล็กเบาสำเร็จรูป ก็เพื่อมารองรับตลาดรับสร้างบ้านระดับ 2-4 ล้านบาท ซึ่งบริษัท เอคิวโฮม จำกัด บริษัทในกลุ่มพีดีเฮ้าส์ ได้ให้บริการกลุ่มลูกค้าดังกล่าว ทั้งนี้ Lindab มีโรงงานในไทย คาดว่าจะเริ่มผลิตและป้อนให้ในไตรมาสแรกของปีหน้า โดยตามข้อตกลงจะบริหารดูแลในระยะ 3 ปีแรก”

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์