ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวประชาสัมพันธ์
Line
22 พ.ค.2555

“พีดีเฮ้าส์” เดินหน้ารุกโซนอิสานเหนือ - ใต้เจาะ 3 กลุ่มเป้าหมายหลักจ่อกวาดกว่า 200 ลบ.

Line


พีดีเฮ้าส์ เดินหน้ารุกตลาดรับสร้างบ้านภาคอีสานหวังพลิกวิกฤติอุทกภัยในโซนพื้นที่กทม.ปริมณฑล และภาคกลาง หลังนำร่องเปิดสาขาอุบลราชธานีไตรมาส 3 พร้อมเร่งดันสาขาสุรินทร์และสกลนคร เปิดไตรมาส 4 เพื่อให้บริการลูกค้าครอบคลุมพื้นที่ในโซนอีสานเหนือ-ใต้ทุกจังหวัด หวังเพิ่มยอดขายอีสานทะลุ 200 ล้านบาทในปี 55 เน้นการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าข้าราชการ แพทย์-พยาบาล นักธุรกิจ และชาวต่างชาติ เผยผนึกพันธมิตรธุรกิจชูจุดขายบ้านอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมแนะปรับตัวสู่ตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัด วอนทุกฝ่ายให้ความสำคัญการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

        นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าได้มองภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปัจจุบันว่าหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงเกินกว่าคาดการณ์เอาไว้มาก ส่งผลให้ปริมาณและมูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านรวมในปีนี้หดตัว จากที่ก่อนหน้านี้เคยประเมินว่าจะเติบโตกว่า 10% ในส่วนของ พีดีเฮ้าส์ เองก็เช่นกัน เดิมคาดว่ายอดขายปี 2554 นี้จะเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งตั้งเป้าไว้ 1,000 ล้านบาท เนื่องเพราะบริษัทฯ มีการเปิดสาขาใหม่กระจายออกไปเกือบทั่วประเทศกว่า 20 สาขา แต่เมื่อประสบปัญหาน้ำท่วมกทม.และพื้นที่ภาคกลางตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา ทำให้ยอดขายเริ่มชะลอตัว ซึ่งในช่วงไตรมาส 4 นี้ ความต้องการและอารมณ์ของผู้บริโภคที่จะคิดสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยหลังใหม่ ก็หายวูบไปกับมวลน้ำก้อนใหญ่ โดยเฉพาะกำลังซื้อในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหดตัวอย่างรุนแรง ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ปรับเป้ายอดขายลงเหลือ 700 ล้นบาท แต่ถึงแม้ว่าจะปรับเป้ายอดขายปีนี้ลง แต่ยอดขายก็ยังเติบโตเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ที่มียอดขายรวม 475 ล้าบาท

        ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พีดีเฮ้าส์ เป็นรายเดียวที่มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และมิใช่มุ่งเน้นการขยายสาขาเฉพาะเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น แต่มีการขยายสาขากระจายออกไปในทุกภูมิภาค ดังนั้นผลกระทบจากภัยน้ำท่วมจึงไม่มากนัก เนื่องจากสาขาที่เปิดดำเนินการแล้ว 23 สาขาได้รับผลกระทบน้ำท่วมเพียง 5 สาขาเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 18 สาขายังเปิดดำเนินการได้เป็นปกติ  ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ของปีนี้ บริษัทฯ จะเร่งขยายสาขาพื้นที่ภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ภาคอีสานมีสาขาอยู่แล้ว 4 แห่งคือ สาขานครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และอุบลราชธานี โดยในไตรมาส 4 จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ และสกลนคร ทำให้มีสาขาในพื้นที่ภาคอีสาน 6 สาขา สามารถให้บริการรับสร้างบ้านได้ครอบคลุมพื้นที่ ทั้งโซนอีสานเหนือและอีสานใต้ทุกจังหวัด

       “พีดีเฮ้าส์ มีนโยบายที่มุ่งเน้นสร้างการรับรู้ และสร้างกำลังซื้อในตลาดใหม่ๆ รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาของผู้ประกอบการ ที่จะยกระดับมาตรฐานและมีความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเน้นการเข้าถึงลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เพื่อความสะดวกของลูกค้าที่จะใช้บริการสร้างบ้าน รวมถึงชูจุดขายความเป็นมืออาชีพในวงการธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานที่การแข่งขันรายย่อยมีอยู่สูง แต่ส่วนใหญ่เน้นแข่งขันด้านราคา ตรงกันข้ามกับ พีดีเฮ้าส์ ที่เน้นการแข่งขันที่ความเป็นมืออาชีพในวงการรับสร้างบ้าน มีมาตรฐานที่จับต้องได้ และเน้นสร้างการรับรู้ในแบรนด์พีดีเฮ้าส์ ซึ่งได้รับการยอมรับและเป็นที่น่าเชื่อถือของผู้บริโภค จึงมีความโดดเด่นในด้านคุณภาพและบริการสมกับที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ในวงการธุรกิจรับสร้างบ้านภาคอีสานขณะนี้”  นายสิทธิพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคอีสานมีประชากรจำนวนมากกว่าภาคอื่น ๆ รวมถึงกลุ่มประชากรแฝง เช่น นิสิตนักศึกษาที่เข้ามาศึกษาในพื้นที่ภาคอีสาน มูลค่าการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในพื้นที่จึงมีอยู่สูง นอกจากนี้พื้นที่ภาคอีสานกำลังกลายเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยพืชเศรษฐกิจได้แก่ ยางพารา และเริ่มเปลี่ยนจากพื้นที่แห้งแล้งไปสู่พื้นที่ชุ่มชื้นมากขึ้นเรื่อยๆ  นอกจากนี้ในปี 2558 ยังสามารถรองรับเขตการค้าเสรี ที่อยู่ใกล้กับประเทศเพื่อนบ้านโอกาสทางการค้าจึงมีมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้  นั่นยังไม่พอในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากประเทศไทยสามารถสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง เชื่อมต่อจากประเทศจีนและสาธารณะรัฐประชาชนลาว ผ่านพื้นที่ภาคอีสานไปสู่กรุงเทพฯ และต่อเนื่องไปยังภาคใต้ออกสู่ประเทศมาเลเซีย ก็จะสร้างความเจริญในพื้นที่ภาคอีสานเพิ่มสูงขึ้นไปอีก นี่คือภาพที่เราเห็นแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตอย่างชัดเจน ทั้งสภาวะการค้าชายแดนก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก ปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านล้วนให้การยอมรับสินค้าจากประเทศไทย โดยเฉพาะแบรนด์ไทยที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และคุ้มค่าราคา

เน้นเจาะ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก
        นายสิทธิพร เปิดเผยต่ออีกว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้บริษัทฯ ได้ประเมินยอดขายทางภาคอีสานไว้ 120  ล้านบาท แต่มาในครึ่งปีหลังบริษัทฯ ได้ทำการเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 แห่ง (อุบลราชธานี สุรินทร์ สกลนคร) ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ยอดขายจะขยับเป็น 150 ล้านบาท ส่วนในปี 2555 ประเมินว่ายอดขายน่าจะเติบโตกว่า 200 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายได้แก่ ข้าราชการ นายแพทย์-พยาบาล นักธุรกิจ และชาวต่างชาติที่สมรสกับคนไทย ซึ่งมีชาวต่างชาติที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในประเทศไทยในลักษณะนี้ อาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานจำนวนมาก และจะเน้นเรื่องที่อยู่อาศัยเป็นอันดับแรก ๆ  โดยกลุ่มลูกค้าดังกล่าวล้วนให้สำคัญและภูมิใจที่เลือกใช้มืออาชีพที่มีชื่อเสียง ส่งผลให้เกิดความไว้วางใจกับมืออาชีพรับสร้างบ้านอย่าง พีดีเฮ้าส์

เร่งปลุกกระแสใส่ใจพลังงานและสิ่งแวดล้อม
       นายสิทธิพร ยังกล่าวถึงจุดขายของ พีดีเฮ้าส์ ที่ใช้รุกตลาดในช่วงท้ายปีนี้และปี 2555 ว่าจะยังมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอความรู้เรื่องการสร้างบ้าน ที่เป็นความจริงแก่ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งลูกค้าและผู้ประกอบการที่เป็นพันธมิตร พร้อมกับเตรียมจับมือกับพันธมิตรการค้า เน้นการสร้างบ้านอนุรักษ์พลังงาน โดยให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุที่เป็นฉนวนป้องกันความร้อน วัสดุทดแทนไม้ธรรมชาติ ฯลฯ เป็นต้น  

        ปัจจุบันและอนาคตภัยธรรมชาตินับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการที่มนุษย์ไปทำลายธรรมชาติก่อน โดยเฉพาะการทำลายป่าต้นน้ำ ประการสำคัญคือ การเลือกใช้ไม้ในการปลูกสร้างบ้าน ควรจะใช้ไม้อุตสาหกรรมจากป่าปลูก ที่ไม่เป็นการทำลายธรรมชาติ แต่ที่ผ่านมาพบการใช้ไม้จากป่าธรรมชาติจำนวนมาก ทั้งๆ ที่ประเทศไทยได้มีการปิดป่าไปนานแล้ว ดังนั้นทั้งผู้ประกอบการและเจ้าของบ้าน จึงควรปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ เพราะหากยังคงละเลยไม่ใส่ใจดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผลกระทบจากภัยธรรมชาติก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย สิ่งสำคัญภาครัฐควรกำหนดเป็นนโยบายให้ชัดเจนโดยเร็ว

     “สิ่งสำคัญอีกประการคือ พันธมิตรทางธุรกิจต้องปรับตัว โดยเฉพาะด้านโรจิสติกส์หรือการขน พร้อมกับหาทางลดต้นทุนค่าขนส่ง ให้สอดคล้องกับสภาพตลาดรับสร้างบ้านและกำลังซื้อของผู้บริโภค ที่ในวันนี้และอนาคตตลาดขนาดใหญ่ จะมิใช่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น แต่จะเป็นตลาดในภูมิภาคทั่วปะเทศ ฉะนั้นหากจะเติบโตร่วมไปกับ พีดีเฮ้าส์ ทั้งพื้นที่ภาคอีสานและภูมิภาคอื่นๆ จำเป็นต้องเร่งปรับตัวตามให้ทันการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปีหน้าขนาดของตลาดรับสร้างบ้านในภูมิภาค จะเป็นตัวฉุดให้มูลค่าเติบโตอย่างแน่นอน สิ่งเดียวที่ขนาดตลาดรับสร้างบ้านจะไม่เติบโตคือ ประเทศไทยน้ำท่วมซ้ำซาก”