ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวประชาสัมพันธ์
Line
26 พ.ค.2558

“จักรกฤษณ์” ต่อยอดความสำเร็จ รุกหัวเมืองใหญ่ภาคใต้

Line
     เป็นที่ทราบกันดีว่า กระแสตลาดรับสร้างบ้านพื้นที่ภาคใต้ในช่วง 1-2 ปีนี้ มีอัตราการเติบโตดีวันดีคืนหรือเรียกได้ว่าเป็นตลาด Blue Ocean ที่ทำให้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจากเมืองหลวงหลายค่ายต่างหมายตา แต่ด้วยยังขาดความพร้อมทั้งในแง่เงินลงทุนระบบการจัดการสาขา บุคลากรและการตลาด ฯลฯ เกือบทุกค่ายจึงทำได้แค่เฝ้ามองและปล่อยโอกาสให้ลอยผ่านไป 
     แต่สำหรับ “พีดีเฮ้าส์” เจ้าของไอเดียแหวกแนว ที่พัฒนาระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้านขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน เป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศในปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อต่อยอดธุรกิจรับสร้างบ้านของตนเอง พร้อมๆ กับจับมือกับนักธุรกิจท้องถิ่นที่มีแนวคิดตรงกัน ร่วมปลุกปั้นตลาดรับสร้างบ้านในหลายจังหวัดภาคใต้ กระทั่งสามารถขยายสาขาปูพรหมยึดพื้นที่หัวเมืองใหญ่ไว้แล้วหลายแห่ง ปัจจุบัน พีดีเฮ้าส์ ได้ขยายสาขาในพื้นที่ภาคใต้แล้ว 7 แห่งได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง โดยอยู่ภายใต้การบริหารงานของ “จักรกฤษณ์ นามเกิด” 3 สาขา ได้แก่ นครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่

     “จักรกฤษณ์” กล่าวถึงที่มาว่า เดิมครอบครัวทำธุรกิจค้าส่งเนื้อสัตว์และส่งออก ต่อมาขยายมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และอาคารพาณิชย์ขาย ซึ่งที่ผมได้รู้จัก พีดีเฮ้าส์ ก็เพราะตอนที่เรียนปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย คุณแม่จะเป็นคนตัดข่าวแวดวงอสังหาฯ เก็บไว้ให้อ่าน เมื่อกลับมาจากต่างประเทศ จึงได้ทราบว่าพีดีเฮ้าส์เปิดธุรกิจแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน จากนั้นจึงเสนอตัวเข้าร่วมธุรกิจและได้รับการคัดเลือกให้เริ่มต้น เปิดศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์สาขาแรก ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช”

     จากการที่ได้คลุกคลีกับธุรกิจก่อสร้าง ทำให้ได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกค้า และทราบว่าที่นครศรีธรรมราช ยังมีความต้องการปลูกสร้างบ้านในที่ดินของตัวเองอยู่เป็นจำนวนมาก และตลาดรับสร้างบ้านที่นี่ยังไม่มีคู่แข่งขันเพราะพฤติกรรมการซื้อบ้านของคนในพื้นที่จะไม่ซื้อบ้านในราคาที่สูงมากนัก และจะเน้นสร้างเองมากกว่า ไม่เหมือนเมืองใหญ่ทางภาคใต้อย่างภูเก็ตและหาดใหญ่ที่ยังมีบ้านจัดสรรให้เลือก แต่ที่นี่จะเป็นบ้านสร้างเองเกือบจะ 100% โดยราคาเฉลี่ยสร้างบ้านราคาประมาณ 4-5 ล้านบาท

     “ผมมองตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดนครศรีฯ ยังสดใสและมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก แม้ต้องดูภาวะเศรษฐกิจด้วย อย่างช่วงนี้ราคายางพาราตกต่ำและมีผลให้กำลังซื้อชะลอตัวบ้าง แต่ก็มองว่าธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงไปได้ โดยเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ปานกลาง แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่กลุ่มนี้ยังมีความต้องการสร้างบ้านอยู่ ส่วนกลุ่มระดับราคาสูงหรือ 10 ล้านบาทขึ้นไป ก็มีความต้องการอยู่ในระดับหนึ่ง แต่เราคงต้องรอให้มีผลงานส่งมอบบ้านให้ลูกค้าอีกสัก 1-2 หลังก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักๆ ของเราปัจจุบันอยู่ในระดับกลาง มีหลากหลายอาชีพทั้งนักธุรกิจ พยาบาล พนักงานธนาคาร ฯลฯ โดยเราเปิดพีดีเฮ้าส์สาขานครศรีฯ เมื่อ 30 ตุลาคม 2555 ตอนนี้ครบ 1 ปีพอดี โดยมียอดขายแล้วกว่า75 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 50 ล้านบาท”

     จักรกฤษณ์กล่าว ถึงการบริหารงานว่า จะปรับกลยุทธ์การบริหารให้เหมาะสมกับในแต่ละพื้นที่ มีผู้จัดการประจำสาขา หัวหน้าโครงการ 2 คน เจ้าหน้าที่ขาย 1-2 คน เจ้าหน้าที่ธุรการ 1-2 คน หรืออย่างน้อยมีพนักงานสาขาละ 4-6 คน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ปริมาณงานก่อสร้างบ้านของลูกค้าว่ามีกี่หลังต่อสาขา

     “ตลาดรับสร้างบ้านที่จังหวัดนครศรีฯ เรายังไม่มีคู่แข่งในระดับเดียวกัน เพราะส่วนใหญ่เป็นแค่ผู้รับเหมารายย่อยทั่วไปในท้องถิ่น จึงมองตลาดว่าค่อนข้างสดใส ในส่วนการสร้างการรับรู้ของคนในพื้นที่ เรามีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง เช่น ปลายปีนี้ก็เข้าร่วมออกบูธงานประจำปีของจังหวัด ระหว่างวันที่ 27 กันยายน - 6 ตุลาคม 2556 หลังจากที่ประสบความสำเร็จเมื่อปีก่อน ซึ่งมีลูกค้าจองสร้างบ้านเกือบ 20 ล้านบาท ทั้งที่เราหวังแค่ต้องการสร้างการรับรู้เท่านั้น”

     จากความต้องการปลูกสร้างบ้านเองในพื้นที่ภาคใต้มีแนวโน้มที่ดี “จักรกฤษณ์” จึงได้ขอซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ สาขาสุราษฎร์ธานี อีกหนึ่งแห่ง เพราะมองเห็นโอกาสและหวังเป็นผู้ให้บริการลูกค้าครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนครศรีฯ และจังหวัดติดต่อ ทำให้ปัจจุบันมีศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์อยู่ภายใต้การบริหารงานของ “จักรกฤษณ์” จำนวน 4 สาขาแล้วคือ ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี

     โดยในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านที่สุราษฎร์ธานี ที่กำลังจะเปิด ตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้ “จักรกฤษณ์” คาดการณ์ว่าน่าจะสร้างยอดขายได้มากกว่าสาขานครศรีฯ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่กำลังพัฒนา มีการลงทุน ประชากรมีรายได้และกำลังซื้อสูง รวมทั้งจังหวัดสุราษฎร์ฯ มีอัตราการจ้างงานเติบโตสูงมาก เรียกได้ว่าตลาดรับสร้างบ้านมีอนาคตที่สดใส ทั้งนี้คาดว่าน่าจะมีผู้ลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยกันเยอะ โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนายแพทย์ ข้าราชการ นักธุรกิจ “จักรกฤษณ์” ตั้งเป้ายอดขาย 1 ปีของสาขาสุราษฎร์ฯ ไว้ที่ 50 ล้านบาท

     สำหรับ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ สาขาภูเก็ต ลูกค้าในพื้นที่ส่วนใหญ่จะเน้นสร้างบ้านหลังใหญ่และมีกำลังซื้อค่อนข้างมากในส่วนพื้นที่จังหวัดกระบี่ระดับราคาบ้านที่ลูกค้านิยมปลูกสร้างจะต่ำกว่าเล็กน้อยหรือเฉลี่ยหลังละประมาณ 3-4 ล้านบาท โดยเราเพิ่งขอซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ สาขาภูเก็ตและกระบี่ มาบริหารเองได้เพียง 3 เดือนเศษ ณ ปัจจุบันทั้ง 2 สาขา สามารถทำยอดขายรวมได้แล้วเกือบ 50 ล้านบาท

     “ผมมองว่าตลาดทางภาคใต้ผู้บริโภคที่จะสร้างบ้านส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้และกำลังซื้อสูง ตลาดน่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเราเน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนตอนนี้สถานการณ์เศรษฐกิจและการบริโภคทั่วไปทางภาคใต้ ถือว่ายังซึมๆ อยู่เพราะราคายางพาราตกต่ำ แต่มองว่าถ้าราคายางมีการปรับขึ้นในเร็วๆ นี้ กำลังซื้อน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะเป็นธรรมชาติของพื้นที่ภาคใต้ หากยางพาราราคาดี ข้าวของก็จะขายดี และจะส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้ามากขึ้นด้วย”

     “พีดีเฮ้าส์มีความเข้าใจในเรื่องความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพของวัสดุก่อสร้าง     เราจึงเน้นและให้ความสำคัญมากซึ่งเจ้าของบ้านไม่ต้องเสียเวลาไปลองผิดลองถูกกับวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานที่สำคัญเรามีบริการหลังการขาย    หรือการรับประกันที่ยาวนาน หากมีปัญหาสามารถติดต่อสำนักงานสาขาในพื้นที่ได้ตลอดเวลา” จักรกฤษณ์    กล่าวในตอนท้าย
 


บทสัมภาษณ์จาก นิตยสารบ้านสุขใจ
ปีที่ 3 ฉบับที่ 17 ตุลาคม - ธันวาคม 2556