29 มิ.ย.2558
อสังหาฯ หวังรัฐเร่งเบิกจ่ายกระตุ้นบริโภค-ศก.
โดยภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งหลังปี 2558 คาดจะฟื้นตัวได้มากขึ้น จากไตรมาส 2 ตลาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากการเมืองนิ่ง มาตรการกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจของภาครัฐ เริ่มส่งผลดี ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงค่าเงินบาท อ่อนค่า อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง คาดว่าจะลดต่ำลงไปอีกหลายปี ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจลงทุนเพิ่มขึ้น ในส่วนอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เชื่อว่ามีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่จะกลับมาตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย มากขึ้น
"ครึ่งปีหลังการลงทุนแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ มีความเสี่ยงน้อยกว่าคอนโดมิเนียม ตลาดคอนโดต้องระวังทั้งเซ็กเมนท์และทำเล เพราะดีมานด์มาจาก 2 กลุ่ม คือ ซื้ออยู่จริง 60% ซื้อลงทุน-เก็งกำไร 40%"
สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องระมัดระวัง คือ ต้องศึกษาตลาดแบบเชิงลึกก่อนเปิดตัวโครงการใหม่ว่าในทำเลนั้นๆ มีซัพพลายคงเหลือมากน้อยแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องรีบเปิดโครงการ ที่สำคัญ ตรวจสอบสภาพคล่องทางการเงินของตัวเอง เพราะกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ ยอดขาย ที่ขายไปแล้วอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ กระแสเงินสดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ครึ่งปีแรกเติบโตต่อเนื่อง โดยมีโครงการกลุ่มตลาดระดับบน ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดขับเคลื่อนตลาดให้ขยายตัว โดยไตรมาสแรก มูลค่าโครงการเปิดใหม่ 7-9 หมื่นล้านบาท เป็นตลาดคอนโดกว่า 50% จำนวนดังกล่าวเป็นคอนโดราคาเกิน 10 ล้านบาท มากกว่า 20% ของตลาดรวม ในไตรมาส 2 โครงการเปิดใหม่ขยายตัวต่อเนื่อง มูลค่าการขายรวม 4-5 หมื่นล้านบาท ทำให้ภาพรวมครึ่งปีแรกเติบโตได้ดี
แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดว่า ตลาดอสังหาฯ เติบโตน้อยลง เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของ ปีก่อน ซึ่งมีฐานธุรกิจเติบโตสูงจากการเร่งเปิดโครงการใหม่ภายหลังการเมืองสงบ
"ครึ่งปีหลัง 2558 จะมีปัจจัยบวกด้านต่างๆ ช่วยผลักดันให้ตลาดฟื้นตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ทั้งเรื่องดอกเบี้ยที่ลดต่ำลง และมีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงอีก การอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลเริ่มเห็นผลมากขึ้น ในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงต้นทุนวัสดุก่อสร้างไม่ปรับตัวสูงขึ้น และภาวะการขาดแคลนผู้รับเหมาที่ลดลง"
คาดว่าปีนี้อสังหาฯ จะมีมูลค่าขายประมาณ 2.9 แสนล้านบาท เติบโต 5% จากปีที่แล้วมูลค่าขาย 3-3.1 แสนล้านบาท
โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงขยายตัว เพราะมีความต้องการ แต่อาจไม่ได้ขยับ เพิ่มขึ้นหวือหวามากนัก โดยภาคธุรกิจอสังหาฯ ยังต้องปรับกลยุทธ์ในการทำแผนการตลาด ส่งผล ให้การแข่งขันรุนแรงจากการจัดแคมเปญ หลากหลายรูปแบบเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
ขณะที่ตลาดไฮเอนด์เริ่มแผ่วลงทั้งในแง่ซัพพลายและดีมานด์ เพราะแลนด์แบงก์เดิมที่นำมาเปิดโครงการไฮเอนด์เริ่มหมดแล้ว ขณะที่ ลูกค้ามีจำกัด การพัฒนาโครงการผู้ประกอบการ ต้องซื้อที่ดินใหม่ ซึ่งราคาที่ดินปรับสูงมาก ล่าสุดมีการเสนอขายที่ดินสุขุมวิทตอนต้น ราคา 1.8 ล้านบาทต่อตร.ว.
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 29 มิถุนายน 2558
วันที่ 29 มิถุนายน 2558
