ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
18 ก.ย.2558

แผนกระตุ้นช่วย ศก.กระเตื้อง ประชาชน-นักธุรกิจพอใจช่วยเพิ่มกำลังการบริโภค

Line
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน และนักธุรกิจต่อนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาล พบว่า ส่วนใหญ่พอใจกับนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง และเพิ่มกำลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ไม่มากนัก เนื่องจากไทยยังต้องเผชิญปัญหาหลายด้าน พบประชาชนบางกลุ่มไม่รู้เรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แนะเดินสายประชาสัมพันธ์
 
 
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลสำรวจทัศนะต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งสำรวจประชาชน 1,200 ตัวอย่าง และผู้ประกอบการ 600 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน 2558 พบว่า ประชาชนและผู้ประกอบการส่วนใหญ่ตอบรับนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลในเชิงบวก โดยประชาชนร้อยละ 68.8 และผู้ประกอบการ ร้อยละ 75.4 คาดว่า นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก สำหรับนโยบายเศรษฐกิจ เฟส 1 พอใจในนโยบายปล่อยกู้กองทุนหมู่บ้าน และการจัดสรรเงินให้เปล่าตำบลละ 5 ล้านบาท ด้านความพึงพอใจต่อนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล พบว่า ประชาชนร้อยละ 63.5 พอใจมาก ขณะที่ผู้ประกอบการร้อยละ 73.7 พอใจมาก
 
 
ส่วนสถานภาพประชาชนในปัจจุบันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน พบว่า ด้านการใช้จ่ายในครัวเรือนส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 58.3 เห็นว่า ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ร้อยละ 30 ตอบว่า แย่ลง มีเพียงร้อยละ 10.9 ตอบว่า ดีขึ้น ด้านการออมและความเป็นอยู่ ผลการสำรวจก็ได้คำตอบในทิศทางเดียวกัน คือ ส่วนใหญ่เห็นว่ายังไม่เปลี่ยนแปลง ด้านหนี้สิน พบว่าส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 40.4 เห็นว่า ไม่เปลี่ยนแปลง หนี้สินลดลงร้อยละ 24.6 ส่วนที่ตอบว่าหนี้สินจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 35
 
 
สำหรับการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงการใช้จ่าย เมื่อนโยบายเศรษฐกิจดำเนินการแล้ว พบว่า ประชาชนที่มีรายได้ในช่วง 5,000-10,000 บาท มากถึงร้อยละ 70 ระบุว่า การใช้จ่ายจะไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ร้อยละ 26.5 ระบุว่า จะจ่ายเพิ่มขึ้น มีเพียงร้อยละ 2.9 ที่ระบุว่า จะจ่ายลดลง ส่วนรายได้ 30,001-40,000 บาท ส่วนใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 72.7 ระบุว่า จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่ร้อยละ 27.3 ระบุว่า ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีการจ่ายเงินลดลง
 
 
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ว่า กระแสตอบรับน่าจะออกมาเชิงบวก โดยระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทั้งประชาชนและธุรกิจ โดยคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายและรายได้ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับมาก แต่เนื่องจากเศรษฐกิจต้องเผชิญปัจจัยเชิงลบหลากหลาย ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรหลายตัวค่อนข้างจะมีราคาต่ำ และปัญหาเศรษฐกิจโลกยังคงมีอยู่ จึงทำให้ยังคงมีความเห็นว่า โดยภาพรวมแล้วมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะยังไม่เห็นผลได้เต็มที่นัก ส่วนใหญ่เห็นว่าช่วยเศรษฐกิจได้ในระดับปานกลางเท่านั้น
 
 
อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ ยังระบุว่ายังไม่ค่อยรับรู้รายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากนัก แต่ทราบเกี่ยวกับการเพิ่มกองทุนหมู่บ้าน หากรัฐบาลจัดทำโรดโชว์น่าจะช่วยให้ประชาชนมีความหวัง แต่หลายคนยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะเริ่มใช้จ่ายเงินออกมาได้เมื่อใด ทำให้บางหน่วยงานเริ่มมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะโตได้ใกล้ร้อยละ 3 แต่จะเกินหรือไม่ขึ้นกับเม็ดเงินที่จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังและศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ 
 
 
คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลวงเงินรวมเกือบ 200,000 ล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ร้อยละ 3-3.1 ขึ้นไป ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานอื่นๆ ยังมองว่าเม็ดเงินอาจจะลงไม่เร็วพอ เศรษฐกิจไทยปีนี้อาจจะโตไม่ถึงร้อยละ 3 แต่ถ้าหากรัฐบาลดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเร็ว น่าจะทำให้เศรษฐกิจโตเกินร้อยละ 3 ได้แต่ประชาชนยังต้องการให้ดูแลเรื่องค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ดูแลส่งออก และขจัดการคอรัปชั่น และสิ่งที่ประชาชนน่าจะพอใจมากที่สุดคือ มาตรการดูแลค่าครองชีพ ลดราคาสินค้า
 
 
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการสัมมนาวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย ประจำปี 2558 เรื่อง “เศรษฐกิจไทยกับบริบทใหม่ทางเศรษฐกิจ” ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจการเงินโลก ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการส่งออกที่ขยายตัวลดลงด้วยการปรับโครงสร้างการส่งออก เน้นการผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
 
 
นอกจากนี้ ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งพัฒนาการทำงานของรัฐวิสาหกิจที่มีขนาดใหญ่ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบขนส่ง ที่เป็นพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานของรัฐวิสาหกิจค่อนข้างมีปัญหาถูกแทรกแซงจากการเมืองและประสบภาวะขาดทุน จึงจำเป็นต้องมีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในอนาคต 

 
ที่มา : banmuang.co.th
( วันที่ 18 กันยายน 2558 )