ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
05 พ.ย.2558

เมกะโปรเจ็กต์ไทยเนื้อหอม ต่างชาติรุมทึ้ง "บิ๊กคมนาคม"

Line
หลัง "คณะรัฐมนตรีบิ๊กตู่ 3" เริ่มปฏิบัติหน้าที่นับจากกลาง ส.ค.ที่ผ่านมา เรียกได้ว่ามีหลายกระทรวงกำลังเนื้อหอมเลยทีเดียว 

สำหรับ "คมนาคม" เป็นหนึ่งกระทรวงที่เปลี่ยนแม่ทัพขับเคลื่อนโครงการจาก "บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" มาเป็น "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" ล่าสุดกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ แวะเวียนเพื่อเกาะติดโครงการเมกะโปรเจ็กต์โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งครบถ้วนทั้งบก ราง น้ำ และอากาศ ใช้เม็ดเงินลงทุนร่วม 2 ล้านล้านบาท 

วินาทีนี้จึงไม่ได้มีแค่มิตรประเทศอย่าง "จีนและญี่ปุ่น" มีความร่วมมือกันพัฒนาระบบรถไฟฟ้าทั้งความเร็วปานกลางและความเร็วสูง 

เพราะพลันที่ "อาคม" เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 19 ส.ค. มีทั้งตัวแทนประเทศและบริษัทเอกชนข้ามชาติต่าง ๆ ทยอยเข้าพบไม่ขาดสาย เป้าหมายหลักเพื่อคารวะตามธรรมเนียมปฏิบัติหลังมีการปรับเปลี่ยนเจ้ากระทรวง แต่ในขณะเดียวกันนานาประเทศที่มาเยือนต่างก็ให้ความสนใจจะมาลงทุนในโครงการใหญ่ของคมนาคม โครงสร้างพื้นฐานด้านรางและอุตสาหกรรมการบิน 

เริ่มจากวันที่ 1 ก.ย.ผู้แทนจากกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น (MLIT) หารือร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งที่ 1 หลังลงนามพัฒนาระบบรางไทย-ญี่ปุ่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และการพัฒนารถไฟเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ, กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง โดยญี่ปุ่นได้นำคณะที่ปรึกษา ประกอบด้วย "ไจก้า-องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น" เป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิค, บริษัท JR East ผู้ผลิตรถไฟฟ้าและเดินรถ และบริษัท ฮิตาชิ (ผู้ผลิตระบบ) หารือถึงผลศึกษาแนวเส้นทางโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กิโลเมตรเป็นลำดับแรก มีข้อตกลงร่วมกันจะใช้เวลา 1 ปีศึกษาและสำรวจแนวเส้นทาง และเริ่มตอกเข็มในปี 2560 

ต่อมาวันที่ 29 ก.ย. มีเอกอัครราชทูตจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายจาเบรอร์ อัล อะซิบี้ ผู้จัดการใหญ่สายการบินเอมิเรตส์ ประจำประเทศไทยและอินโดนีเซีย เข้าพบหารือประเด็นเรื่องการจัดตั้งแผนกช่างซ่อมเครื่องบิน เพื่อให้บริการด้านเทคนิค ซ่อมแซม และบำรุงรักษาอากาศยานของสายการบินเอมิเรตส์ รวมถึงการเพิ่มจำนวนเคาน์เตอร์เช็กอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ รองรับจำนวนผู้โดยสารสายการบินเอมิเรตส์ 3,000 คน/วัน และจัดหาพื้นที่ห้องรับรองพิเศษผู้โดยสารสายการบินเอมิเรตส์อาคารเทียบเครื่องบินหลังรอง

จากนั้นวันที่ 2 ต.ค. เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการขนส่งทางราง รวมถึงพิจารณาเส้นทางการบิน "เมืองโคโลญจ์-กรุงเทพฯ" และจัดตั้งศูนย์ซ่อมเครื่องบินในประเทศไทย 

วันเดียวกันเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย หารือกรณี บมจ.การบินไทยมีแผนจะยกเลิกเที่ยวบินเส้นทางกรุงเทพฯ-โรมในเดือน ม.ค. 2559 พร้อมกับแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งไทย 

วันที่ 8 ต.ค.ผู้แทนจาก World Economic Forum (WEF) เข้าพบเพื่อแนะนำโครงการเกี่ยวกับยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานของโลก และอนาคตของการพัฒนาเมืองและการให้บริการในอนาคต 

วันที่ 19 ต.ค.เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย หารือประเด็นขอมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และในวันเดียวกันมีประธานกรรมการ บริษัท Sung Bo Constructions ประเทศเกาหลีใต้ หารือประเด็นขอมีส่วนร่วมโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์

และวันที่ 2 พ.ย.ตลอดทั้งวัน มีที่ปรึกษาพิเศษเศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่น, เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย และสมาคมการค้าไทย-ยุโรปเข้าพบ

 
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
( วันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 )