ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
05 ม.ค.2559

รับสร้างบ้านปีวอกยังลุ้นเหนื่อย

Line


หากย้อนมองเมื่อช่วงก้าวสู่ศักราชใหม่ปีมะแม บรรดาผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจรับสร้างบ้าน ต่างมีความหวังกันว่าบรรยากาศทางการเมืองที่สงบลงจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและพลิกฟื้นกำลังซื้อให้กลับคืนมา รวมทั้งตัวเลขประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนและภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจประเทศปี 58 จะมีอนาคตสดใสกว่าปีที่ผ่านมา แต่ครั้นเมื่อเวลาผ่านไปและก้าวเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2-3 ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศกลับไม่เป็นดังที่คาดไว้ ตัวเลขและกราฟแสดงผลด้านเศรษฐกิจหลายตัวเริ่มดิ่งหัวลง เช่นเดียวกับภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ผนวกกับเหตุระเบิดรุนแรงจากภัยก่อการร้ายที่เกิดขึ้นกลางกรุงเมื่อเดือนสิงหาคมปี 58 ได้ซ้ำเติมให้ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อผู้บริโภควูบหาย ที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศปี 2558 ที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้
 
 
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association : THBA) ประมาณการภาพรวมปริมาณและมูลค่า “บ้านสร้างเอง” ทั่วประเทศปี 2558 คาดว่ามีมูลค่ารวมประมาณ 8.9 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 6 หมื่นหน่วยเศษ (เฉลี่ยหน่วยละ 1.4 ล้านบาท) จากเดิมเคยคาดการณ์ไว้มูลค่าประมาณ 1.2 แสนล้านบาท คิดเป็นมูลค่าที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 20 โดยตลาดบ้านสร้างเองผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงเลือกว่าจ้าง “ผู้รับเหมารายย่อย” เป็นผู้ก่อสร้างบ้านมากกว่าว่าจ้าง “บริษัทรับสร้างบ้าน” เหตุผลเป็นเพราะประการแรกผู้บริโภคในต่างจังหวัดยังเข้าไม่ถึงการให้บริการของผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ประการที่ 2 ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านชั้นนำส่วนใหญ่ไม่รับสร้างระดับราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาบ้านที่ผู้บริโภคเลือกปลูกสร้างมากที่สุด และประการสุดท้ายผู้บริโภคไม่ต้องการแบกภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat 7%) จึงเลือกว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อยที่ส่วนใหญ่ก็ไม่อยู่ในระบบภาษี 
 
 
ขณะที่ปริมาณและมูลค่าตลาด “รับสร้างบ้าน” ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดปี 2558 ลดลงเหลือเพียง 1.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 4.6 พันหน่วยเศษ (เฉลี่ยหน่วยละ 2.8-2.9 ล้านบาท) จากเดิมตลาดรับสร้างบ้านปี 2558 คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท หรือปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 20 ทั้งนี้ พบว่ามีผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ แข่งขันกันอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านจำนวนเกือบ 200 ราย โดยเลือกทำเลแข่งขันอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมากที่สุดหรือมีจำนวนประมาณ 110-120 ราย ขณะที่ต่างจังหวัดพบว่ามีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านแข่งขันอยู่ทุกภูมิภาค โดยภาคกลางและภาคอีสานมีผู้ประกอบการแข่งขันอยู่มากที่สุด อาทิ จังหวัดอุดรธานี นครราชสีมา ชลบุรี ระยอง นครปฐม ราชบุรี ฯลฯ เป็นต้น
 
 
นายสิทธิพร กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมตลาดปีหน้า มีแนวโน้มทรงตัวหรืออาจปรับเพิ่มเล็กน้อย คิดเป็นปริมาณและมูลค่ารวม 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 4.6-4.7 พันหน่วย ทั้งนี้ประเมินว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวดี สำหรับปัจจัยบวกและลบที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจรับสร้างบ้าน ดูจะมีเพียงการปรับลดลงของราคาน้ำมัน นอกนั้นยังมองไม่เห็นปัจจัยบวกใดๆ ขณะที่ปัจจัยลบที่ต้องเฝ้าระวังมีอยู่หลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ อาทิ ภาคธุรกิจส่งออกที่ชะลอตัว ปัญหาภัยแล้ง ราคาสินค้าภาคการเกษตรลดลง และความไม่เชื่อมั่นของประชาชนต่อภาวะเศรษฐกิจ ฯลฯ ทั้งหมดล้วนส่งผลทำให้กำลังซื้อภายในประเทศชะลอตัว ดังนั้นแม้รัฐบาลจะพยายามเร่งรัดลงทุนเมกกะโปรเจกต์ แต่เชื่อว่าคงไม่อาจส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและภาคธุรกิจให้กลับมาคึกคักได้มากนักในปี 2559 โดยเฉพาะภาคธุรกิจเองก็ยังไม่มั่นใจกับทิศทางและสถานภาพการเมืองของประเทศ จึงทำให้ยังชะลอการลงทุนใหม่ๆ เอาไว้อีกระยะหนึ่ง 
 
 
สำหรับในปี 2559 สิ่งที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านควรให้ความสำคัญมากๆ คือการปรับตัว เพื่อให้พร้อมเผชิญกับภัยคุกคามและกำลังซื้อที่เชื่อว่าจะยังไม่ฟื้นตัว ตลอดจนสภาพตลาดรับสร้างบ้านที่มีแนวโน้มจะแข่งขันราคากันรุนแรง รวมถึงควรหาทางสร้างโอกาสใหม่ๆ เพื่อมีความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น การพัฒนาระบบก่อสร้างให้สามารถสร้างได้รวดเร็วขึ้น ราคาประหยัด ฯลฯ ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคที่มีกำลังซื้อจำกัด แต่มีอำนาจการต่อรองสูง นอกจากนี้ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายหรือกลุ่มธุรกิจ ทั้งในลักษณะธุรกิจเดียวกันและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยอาจรวมกลุ่มกันเป็นชมรม สมาคมการค้า หรือหลายๆ สมาคมรวมตัวกันเป็นสมาพันธ์ เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและนำไปสู่การเชื่อมโยงทางการค้าระหว่างกัน หรือขับเคลื่อนธุรกิจรับสร้างบ้านไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว 
 
 
สำหรับในปี 2559 ภารกิจหลักๆ ของสมาคมไทยรับสร้างบ้านนั้นจะเน้นสร้างการรับรู้สู่ผู้บริโภคและประชาชนให้มากขึ้น โดยเฉพาะความเข้าใจที่มีต่อผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมืออาชีพอย่างถูกต้อง ในอดีตธุรกิจรับสร้างบ้านมีปัญหาคือ ผู้บริโภคไม่เข้าใจว่า “รับสร้างบ้าน” กับ “ผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป” แตกต่างกันอย่างไร ในเวลาต่อมากลุ่มผู้ประกอบการมืออาชีพได้ทำความเข้าใจกับผู้บริโภคจนเป็นที่เข้าใจ แต่ในปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมีความสับสนว่า “รับสร้างบ้านมืออาชีพ” กับ “รับสร้างบ้านทั่วไป” แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งต้องยอมรับว่าวันนี้มีผู้ประกอบการ “รับสร้างบ้าน” เกิดขึ้นและเข้ามาแข่งขันกันทั่วประเทศจำนวนมาก โดยหาใช่มืออาชีพตัวจริงเสียงจริง เรื่องนี้สมาคมฯ เห็นว่าควรต้องสร้างความชัดเจนและให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคและประชาชนอย่างถูกต้อง เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิดและตัดสินใจเลือกใช้บริการด้วยเหตุผล “ราคาต่ำกว่า” ทั้งที่จริงแล้วคุณสมบัติของผู้ประกอบการ รวมถึงลักษณะการให้บริการแตกต่างกันสิ้นเชิง หากจะเปรียบเทียบง่ายๆ กับสินค้าบริโภคหรืออาหาร ผู้บริโภคควรต้องอ่านฉลากว่ามีรายละเอียดและส่วนผสมอะไรบ้าง เพื่อจะได้คุณภาพสินค้าตรงตามความต้องการมากที่สุดและคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป 
 
ที่มา : บ้านเมือง
( วันที่ 5 มกราคม 2558 )