13 ม.ค.2559
'คอร์รัปชั่น' แก้ไม่หมด อสังหาริมทรัพย์มาอันดับ 1
ส่วนรูปแบบของการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เชื่อว่าเกิดขึ้นบ่อยที่สุด ได้แก่ การใช้ตำแหน่งทางการเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคพวกของตน (18%) การให้ของขวัญหรือการติดสินบน (16%) และการทุจริตเชิงนโยบาย โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (15%)ส่วนกระบวนการที่ถูกมองว่ามีโอกาสเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุดได้แก่ การจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐและการจัดการประมูลโครงการของภาครัฐ (28%) รองลงมาคือ การจดทะเบียนและขอใบอนุญาตต่างๆ (18%) ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับการทุจริตสูงที่สุดได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (13%) กลุ่มสาธารณูปโภค (12%) กลุ่มพลังงาน (12%) กลุ่มก่อสร้าง (11%) และกลุ่มโทรคมนาคม (10%)
ทั้งนี้ หากสามารถขจัดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากประเทศไทยได้ 79% เห็นว่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้อย่างน้อยอีก 10% โดยผลประโยชน์ที่ภาคธุรกิจคาดว่าจะได้รับ ได้แก่ ต้นทุนทางธุรกิจที่ต่ำลง (27%) มีโอกาสในการแข่งขันในตลาดและสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น (19%) และมีการแข่งขันด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์มากขึ้น (16%)
สำหรับสิ่งที่กรรมการบริษัทและผู้นำธุรกิจต้องการให้รัฐบาลดำเนินการมากที่สุดในส่วนที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น คือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และมีมาตรการลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อทั้งผู้ให้ และผู้รับสินบน (25%) การตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมืองและข้าราชการ (16%) การสร้างจิตสำนึกของประชาชนว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ (9%) การสนับสนุนให้เครือข่ายภาคธุรกิจ/ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแสข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชั่น (8%) ส่วนสิ่งที่อยากเห็นภาคเอกชนดำเนินการมากที่สุด คือ การกำหนดนโยบายในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ (35%) การรวมตัวของหลายภาคส่วนเพื่อกำหนดแนวทางในการต่อต้านการทุจริต (19%) การสร้างระบบบริหารจัดการ/ระบบการทำงานที่สามารถตรวจสอบได้ (13%)
ที่มา : naewna.com
( วันที่ 13 มกราคม 2558 )
( วันที่ 13 มกราคม 2558 )