ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
07 เม.ย.2559

ธนารักษ์ชงครม.อนุมัติสร้างบ้านประชารัฐ

Line

"ธนารักษ์" ชงครม.อนุมัตินำที่ราชพัสดุ  6 แปลง ไปสร้างบ้านประชารัฐเพื่อผู้มีรายได้น้อย พร้อมเปิดโอกาสให้เอกชนร่วมพัฒนา กำหนดราคาบ้าน ไม่เกิน 1 ล้านบาท ระยะเวลาการเช่า 30 ปี

นายจักรกฤศฏิ์  พาราพันธกุล อธิบดี กรมธนารักษ์ กล่าวว่า คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้า  จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโครงการบ้านประชารัฐ ภายใต้การดำเนินการของกรมธนารักษ์  โดยนำที่ราชพัสดุ 6 แปลงทั้งในกทม.และต่างจังหวัด มาพัฒนาเป็น ที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย

ทั้งนี้ การพัฒนาที่ดินดังกล่าว  จะมีสองลักษณะ คือ Lease hold ที่จะเป็นการให้เช่าที่ดินราชพัสดุในระยะยาว 30 ปี โดยเอกชน ที่ต้องการมาลงทุนในโครงการของกรมธนารักษ์ สามารถเสนอเงื่อนไขการลงทุนเข้ามาได้ แต่ ราคาของที่อยู่อาศัยที่จะให้ประชาชนเช่า ระยะยาวจะต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท ในระยะเวลาเช่า 30 ปี

โดยกรณีที่เป็นคอนโดมิเนียม จะต้อง มีขนาดไม่ต่ำกว่า 24 ตร.ม. กรณีที่เป็นบ้าน จะต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 48 ตร.ม. ซึ่งโครงการที่เป็นลักษณะ lease  hold จะอยู่ในพื้นที่ ต่างจังหวัด ซึ่งมีทั้งหมด 4 แปลง ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, พื้นที่จังหวัดเชียงราย และพื้นที่อำเภอชะอำ  เพชรบุรี

ลักษณะที่สอง คือ การเช่า (Rent) จะเป็น การให้เช่าในระยะ 5 ปี เมื่อพ้นกำหนด 5 ปี ก็จะหมุนเวียนให้ผู้เช่ารายอื่นเข้ามาเช่าแทน  โดยกำหนดเงื่อนไขของผู้เช่าจะต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 2  หมื่นบาทต่อเดือน

ทั้งนี้ ค่าเช่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 4 พันบาท ต่อเดือน  และปรับปรุงอัตราค่าเช่าทุก 5 ปี

นายจักรกฤษฏิ์ กล่าวว่า ในระยะแรก กรมคิดว่า  ควรให้เช่าแบบปีต่อปี เพื่อหมุนเวียนให้ผู้มีรายได้น้อยรายอื่นๆ เข้ามาเช่าต่อ แต่ปัญหาของการกำหนดระยะเวลาเช่าที่สั้นเกินไปไม่สร้างแรงจูงใจให้ผู้เช่า ทำให้ไม่มีการปรับปรุงหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นแก่การอยู่อาศัย  ซึ่งไม่ช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ โครงการที่เป็นการเช่าระยะ 5 ปีจะเป็นโครงการในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีอยู่สองแปลง คือ พื้นที่หลังโรงงานกษาปณ์เก่า บนถนนประดิพัทธ์, และพื้นที่ในซอย วัดไผ่ตัน ถนนพหลโยธิน

นายจักรกฤศฎิ์ กล่าวด้วยว่า ทั้ง 6  โครงการดังกล่าว หลังจากได้รับอนุมัติจาก ครม.แล้ว จะใช้ระยะเวลาก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 2 ปี วงเงินลงทุนทั้ง 6 โครงการดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท

สำหรับโครงการบ้านประชารัฐ  เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างบ้านราคาถูก ให้แก่ประชาชน โดยแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรก เป็นบ้านและคอนโดมิเนียมที่ ผู้ประกอบการภาคเอกชน  นำโครงการมาเข้า สู่โปรแกรมของบ้านประชารัฐ โดยจะต้องมี ราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 1.5 ล้านบาท โดย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะให้สินเชื่อ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้กู้

นายจักรกฤศฏิ์ ยังกล่าวถึงการจัดการเหรียญกษาปณ์ว่า ประชาชนเก็บไว้ที่บ้านกว่า 10% ของเหรียญที่ผลิตออกมามูลค่ารวม 54,000 ล้านบาท เพราะความไม่สะดวกในการนำมานับแลกเหรียญเปลี่ยนเป็นธนบัตร ทำให้กรมต้องผลิตเหรียญเพิ่มเติม

ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนบริหาร เงินตรา กรมธนารักษ์ ได้ศึกษาการบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์สมัยใหม่ที่ต่างประเทศ ดำเนินการอยู่โดยเปิดโอกาสให้เอกชนที่เชี่ยวชาญเข้ามาบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ทั่วประเทศ ด้วยการติดตั้งเครื่องนับและ รับแลกเหรียญตามห้างสรรพสินค้า และสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ

จากนั้น จะออกสลิปเพื่อให้ผู้แลกนำไป ขึ้นเงินต่อไป เหรียญที่รับแลกแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหรียญชำรุดออกและทำความสะอาดเหรียญที่ยังสมบูรณ์เพื่อ บรรจุถุงเพื่อนำกลับไปใช้ในระบบเศรษฐกิจประเทศต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
( วันที่ 7 เมษายน 2559 )