ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
23 เม.ย.2559

ตั้งเขตศก.3 จังหวัด

Line

รัฐบาลไฟเขียว 3 จังหวัด ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ รับลงทุนซูเปอร์ไฮเทค

นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (คบพ.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานของคณะทำงานการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายกานต์ ตระกูลฮุน เป็นประธาน ซึ่งนำเสนอแนวทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะนำร่องในพื้นที่ 3 จาก 7 จังหวัดในพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด ได้แก่ จ.ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา

ทั้งนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ชื่อการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ด ว่า “ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” (Eastern Economic Corridor) โดยหลังจากได้รับความเห็นชอบในหลักการจาก คบพ.แล้ว ต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) อนุมัติและเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป           

อย่างไรก็ตาม พื้นที่บริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ดเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและมีการลงทุนของอุตสาหกรรมต่างๆ อยู่แล้ว และสามารถที่จะเตรียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาในอนาคต โดยที่ประชุมได้หารือถึงความพร้อมของพื้นที่ ซึ่งจากการประเมินของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) พบว่าใน 3 จังหวัดมีพื้นที่ที่สามารถรองรับการลงทุนได้ประมาณ 2.6 หมื่นไร่ โดยเน้นการดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมซูเปอร์ไฮเทค

สำหรับแนวทางในการพัฒนานั้น คณะทำงานที่มีนายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ กนอ. และภาคเอกชนประกอบด้วย นายกานต์ ตระกูลฮุน นายคณิศ แสงสุพรรณ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ เป็นหัวหน้าทีมนั้น ได้นำเสนอว่าจะต้องให้สิทธิประโยชน์ที่ดึงดูดการลงทุนสูงสุด ซึ่งจะไม่เป็นการทับซ้อนกับสิทธิประโยชน์ในซูเปอร์คลัสเตอร์ ที่สำนักงานบีโอไอประกาศให้ไปก่อนหน้านี้ เพราะบีโอไอให้สิทธิประโยชน์แก่อุตสาหกรรม แต่ที่คณะทำงานเสนอต่อ คบพ.และได้รับอนุมัติในหลักการนี้จะเป็นการพัฒนาเชิงพื้นที่ กล่าวคือนอกจากให้สิทธิประโยชน์สูงสุดของบีโอไอแล้ว ยังจะมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่จะให้แก่ผู้เชี่ยวชาญ ที่กระทรวงการคลังกำลังเสนอ การปลดล็อกประเด็นที่เป็นอุปสรรคการลงทุน เช่น กรณีของกฎหมายผังเมือง กฎหมายการถือครองหุ้นในกิจการบางประเภท เช่น อุตสาหกรรมการบิน กิจการเพื่อการวิจัยและพัฒนา ที่ปัจจุบันติดเงื่อนไขว่าต้องมีคนไทยเป็นเจ้าของเกินกว่ากึ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาไปถึงว่าใน 5 ปีข้างหน้าจะต้องมีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่ชัดเจนทั้งการลงทุนของภาครัฐ และการลงทุนร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ สนามบิน และนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีการนำโครงการต่างๆ เข้ามาพิจารณาให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ที่จะเข้ามาลงทุนด้วย 

“คณะทำงานเสนอว่าในการบริหารงานและขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกอาจจะต้องมีความจำเป็นที่จะออกกฎหมายเฉพาะเพื่อขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่นี้โดยเฉพาะ รวมทั้งจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแลการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่นี้โดยเฉพาะเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในระยะยาว ซึ่งจะต้องมีการนำไปพิจารณาต่อไป” นาง อรรชกา กล่าว

อย่างไรก็ตาม สิทธิประโยชน์ ข้อกฎหมาย แนวทางในการดำเนินการนี้ คณะกรรมการขอเวลา 1 เดือนในการรวบรวมข้อมูลก่อนจะกลับมารายงานต่อที่ประชุมทราบ แต่ในเรื่องนี้ตั้งเป้าว่าจะต้องมีความชัดเจนในปีนี้ เพื่อให้ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในภาคตะวันออกให้ได้ภายในปีนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดึงต่างชาติเข้ามาลงทุน

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการ ในคณะกรรมการบริหารการพัฒนา พื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ กล่าวว่า พื้นที่บริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ดซึ่งครอบคลุม 7 จังหวัด เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญที่จะส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามซูเปอร์คลัสเตอร์ที่มีการส่งเสริมเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ (New-S-Curve) ของประเทศ โดยขณะนี้ในพื้นที่นี้มีการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ซูเปอร์คลัสเตอร์อยู่แล้ว 6-10 สาขา ซึ่งต่อไปจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มเป็นพิเศษ (High-High Value Added) ซึ่งต้องมีการหารือกันให้ได้ข้อสรุปเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติมในพื้นที่ รวมทั้งการเพิ่มมาตรการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติ เช่น การจัดโซนให้นักลงทุนชาติเดียวกันอยู่ใกล้กันเพื่อให้เกิดการลงทุนในคลัสเตอร์ที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ เป็นต้น
 
ที่มา : posttoday.com
( วันที่ 21 เมษายน 2559 )