ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
30 พ.ค.2559

กางราคาอสังหาฯหนองคาย "เทศบาล-ริมโขง" พุ่งไร่ละ 20 ล้าน

Line
การเกิดขึ้นของโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เมืองหนองคาย ที่เริ่มก่อสร้างในปี 2534 คือจุดเริ่มต้นที่ดึงดูดให้นักลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์หันมาจับตามอง 

ขณะนั้นเริ่มมีโครงการบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์เกิดขึ้นหลายแห่ง โดยเฉพาะหมู่บ้านทิพย์ธานีมีมากสุดถึง 7 โครงการ มีทั้งบ้านชั้นเดียวและบ้านสองชั้น รวมทั้งอาคารพาณิชย์รอบศูนย์การค้า ราคาที่ดินที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เรียกว่าสูงกว่าความเป็นจริงที่ควรจะเป็นมาก เพราะในช่วงแรกเป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไร จากนั้น

การลงทุนก็หยุดชะงักไป กระทั่งในปี 2553 ก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากเริ่มมีโครงการใหญ่ ๆ เข้ามาดำเนินการในพื้นที่ของจังหวัดหนองคาย เช่น วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โรงแรม และรีสอร์ตอีกหลายแห่ง

ปัจจุบันเมืองหนองคายยังคงตอกย้ำภาพของการเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุน ทั้งการเป็นพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเฟสที่ 1 โครงการต่าง ๆ ที่เตรียมก่อสร้าง อาทิ โครงการรถไฟทางคู่โคราช-หนองคาย ที่เป็นส่วนหนึ่งที่จะเชื่อมต่อไปยัง สปป.ลาว และจีน รวมถึงการตัดถนนสาย ก เลี่ยงเมือง เส้นใหม่ยาวกว่า 6 กิโลเมตร ทำให้ที่ดินราคาพุ่ง 3 เท่า โดยเฉพาะ ต.หาดคำ และ ต.โพธิ์ชัย ได้อานิสงส์ราคาลิ่วแตะ 4 ล้านบาท/ไร่ แต่ถ้าเป็นที่ดินในเขตเทศบาลนั้น

ขณะนี้ราคาพุ่งแรงแซงราคาประเมินไปแล้ว หรืออาคารพาณิชย์บนถนนเสด็จย่านเศรษฐกิจสำคัญก็ขยับขึ้นถึง 200% ภายใน 6 ปี 

เทศบาล-ริมโขงไร่ละ 20 ล้าน

"วีระชัย โชคมงคลภูมิรัตน์" รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย/ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดหนองคาย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ราคาที่ดินในจังหวัดหนองคายขณะนี้ถือว่าสูงมากจนเต็มเพดาน ยกตัวอย่างราคาขายที่ดินในตัวเมืองที่เป็นเขตเศรษฐกิจหลัก พื้นที่ 4 ไร่เศษ อยู่ที่ 100 กว่าล้านบาท 

ที่ริมแม่น้ำโขง 3 ไร่ ราคา 75 ล้านบาท โดยมีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เช่น ซีพี แสนสิริ รวมถึงกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ได้กว้านซื้อที่ดินแปลงใหญ่เพื่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านและคอนโดฯ เพื่อรองรับนักลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาในจังหวัดหนองคายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากขณะนี้ได้เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีแล้ว 

สำหรับค่าเช่าก็มีราคาสูงเช่นกัน ล่าสุดมีประกาศเช่าที่ 30 ไร่ 30 ปี ในราคาสูงถึง 60 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ราคาที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ปรับราคาขึ้นตามไปด้วย ทำให้ขณะนี้คนหนองคายระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับกลางไม่สามารถครอบครองที่ดิน รวมถึงอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะบ้านและอาคารพาณิชย์ในเขตเมืองเป็นของตัวเอง

วีระชัยโชคบอกว่า ราคาประเมินที่ดินที่สูงที่สุดนั้นจะอยู่ภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย โดยเฉพาะที่ดินที่ติดกับถนนประจักษ์ที่เป็นถนนสายหลักภายในเขตเทศบาลนั้น ราคาประเมินสูงมากอยู่ระหว่าง 8-10 ล้านบาท/ไร่ แต่การซื้อ-ขายกันจริง ๆ แล้วสูงกว่าราคาประเมินมาก โดยเฉพาะแปลงสวย ๆ นั้นราคาซื้อขายจริงขณะนี้เกิน 20 ล้านบาทขึ้นไปแล้ว 

ส่วนที่ดินริมโขงภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคายและใกล้ ๆ กับเขตเทศบาลเมืองหนองคาย ราคาประเมินจะอยู่ระหว่าง 3-4 ล้านบาท แต่ซื้อ-ขายกันจริง ๆ สูงกว่านี้ ขณะที่ที่ดินอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) วิทยาเขตหนองคายด้านหน้าราคาประเมินอยู่ที่ 1-1.2 ล้านบาท/ไร่ โดยการซื้อ-ขายจริงใกล้เคียงกับราคาประเมิน 

โดยหมู่บ้านหนองเดิ่น ต.หนองกอมเกาะ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับ มข.วิทยาเขตหนองคาย มีราคาประเมินเดียวกับหน้า มข.วิทยาเขตหนองคาย แต่การซื้อ-ขายกันจริง ๆ นั้นบางแปลงสูงถึง 2 ล้านบาท/ไร่ 

ถนนเสด็จย่านเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดที่มีการซื้อ-ขายสูงกว่าราคาประเมินอีกจุดหนึ่ง คือ ที่ดินริมถนนเสด็จ จากตัวเมืองหนองคายไปด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งขณะนี้ถือเป็นถนนสายเศรษฐกิจ การค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มมีการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา เริ่มต้นห้องละ 1.9 ล้านบาท ปัจจุบันราคาซื้อขายสูงถึง 5-7 ล้านบาท 

ล่าสุดโครงการตัดถนนสาย ก ผังเมืองรวมเมืองหนองคายของกรมทางหลวงชนบท ระยะทาง 6.381 กม. งบประมาณในการก่อสร้าง 233 ล้านบาท ระยะเวลาในการก่อสร้าง 720 วัน เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2559 สิ้นสุดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งเป็นเส้นทางเลี่ยงเมืองที่ตัดจากถนนมิตรภาพ หนองคาย-อุดรฯ โดยเส้นทางนี้ได้ส่งผลดีกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ จากเดิมที่มีราคาสูงอยู่แล้วก็สูงขึ้นอีก โดยเฉพาะพื้นที่โดยรอบที่ถนนตัดผ่าน ทั้งในเขตตำบลหาดคำ และตำบลโพธิ์ชัย เดิมซื้อขายราคา 1.2-1.5 ล้านบาท/ไร่ หลังเริ่มก่อสร้างถนนทำให้ราคาสูงขึ้น 3 เท่าตัว

การพัฒนานี้แง่หนึ่งเพื่อตอบรับการที่ชุมชนในตัวเมืองมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่อีกแง่หนึ่งการพุ่งขึ้นของราคาอสังหาฯกลับเป็นการเอื้อโอกาสให้กับกลุ่มทุนยักษ์สายป่านยาวเท่านั้น !