ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
28 ก.ค.2559

ลดดอกเงินกู้ ช่วย SMEs อสังหาฯ

Line

        หนทางที่ง่ายที่สุดในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจก็คือการลดดอกเบี้ย ถ้ารัฐบาลทำได้ SMEs ที่ทำบ้านจัดสรรและคอนโดฯ รวมทั้งชาวบ้านที่ซื้อบ้านก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย
 

        ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th) ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ อยู่ที่ประมาณ 1-1.5% เท่านั้น


        จะเห็นได้ว่าช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากถ่างห่างกันเหลือเกิน การที่บริษัทพัฒนาที่ดินรายกลางและรายย่อย รวมทั้งผู้ซื้อบ้าน ซึ่งส่วนมากก็เป็นประชาชนทั่วไป ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยสูงๆ ก็จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก็จะงอกเงย เศรษฐกิจของประเทศก็จะตกต่ำอย่างต่อเนื่อง

       รวมรีวิวทาวน์เฮ้าส์/ทาวน์โฮมใหม่

       จากข้อมูล ณ สิ้นปี 2538 ฐานะของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังคงเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,194,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการจัดสรรกำไรครึ่งแรกของปี 2558 เป็นเงินกองทุน ทั้งนี้ การเพิ่มทุนและการออกตราสารที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (Tier-2) ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier-1) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17.3% และ 14.4% ตามลำดับ

        เงินสำรองต่อสำรองพึงกันได้เพิ่มขึ้นจาก 153.6% เป็น 156.3% ส่งผลให้ระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงในไตรมาส 3 ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรจากการดำเนินงาน 370,200 ล้านบาท แต่มีกำไรสุทธิ 192,300 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน (ข้อมูลอ้างอิง: ไทยพับลิก้า)

       ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอเป็น “กระบอกเสียง” ให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย และประชาชนทั่วไปที่ซื้อบ้าน เพื่อขอให้รัฐบาลสั่งให้สถาบันการเงินทั้งหลายลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง เช่น ลดลงสัก 2% จาก 7% เหลือ 5% ก็ยังทำให้สถาบันการเงินได้กำไรมากมายอยู่ดี และสถาบันการเงินก็ควรตัดค่าใช้จ่ายบางอย่าง ซึ่งเป็นเสมือน “ไขมันส่วนเกิน” ออกไปบ้าง เพื่อจะได้บริหารงานให้ได้กำไรมหาศาลดังเดิม

        เพียงแค่รัฐบาล “ขอร้อง” ผมก็เชื่อว่าสถาบันการเงินทั้งหลายคงเชื่อฟังด้วยดี คงไม่ต้องรบกวนท่านนายกฯ ใช้ “ม.44″ กับสถาบันการเงินเลยนะครับ อิ อิ การใช้ ม.44 ช่วยชาวบ้านจะได้กุศลแรงกว่าใช้ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือในทางการจัดการทางการเมืองนะครับ เพราะชาวบ้านจะได้สาธุ

        หรือหากรัฐบาลอยากจะปฏิบัติการอย่างละมุนละม่อมกว่านั้น ผมก็เสนอให้สถาบันการเงินจากภายนอกประเทศมาเปิดสาขาให้มากขึ้น ผมเชื่อว่าถ้ามีการแข่งขันที่สมบูรณ์ ดอกเบี้ยเงินกู้ก็จะถูกลงมาเอง แต่ทุกวันนี้สถาบันการเงินเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาดเสมือน “เสือนอนกิน” ผลร้ายจึงตกแก่ประชาชน

 
เรื่องข้างต้นเขียนโดยนักเขียนรับเชิญ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย www.area.co.th