ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
12 ก.ย.2559

THBA ชงแบงก์ปรับเกณฑ์ปล่อยกู้บ้านสร้างเองหวังกระตุ้นตลาด

Line

        “สิทธิพร นายกสมาคมฯ” ชงแบงก์ปรับเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อบ้านสร้างเองให้แตกต่างกับสินเชื่อซื้อบ้านพร้อมที่ดิน จากการผ่อนชำระหรือรายได้ มากกว่า 3 เท่าของเงินผ่อนชำระต่อเดือน ปรับลดเพดานเหลือ 2.5 หรือ 2 เท่า เชื่อสินเชื่อบ้านสร้างเองจะขยายตัวได้อีก เผย 8 เดือนลูกค้าใช้เงินสดสร้างบ้านเองถึง 75% ขณะที่สัดส่วนลูกค้ากู้เงินสร้างบ้าน 25% ชี้แนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

        นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA) เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค. 2559) พบว่ามีสัดส่วนการใช้เงินออมหรือเงินสด คิดเป็น 75% และใช้เงินกู้ยืมหรือสินเชื่อธนาคาร คิดเป็น 25% ซึ่งถือว่าการใช้สินเชื่อปลูกสร้างบ้านมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในปีนี้เกณฑ์การพิจารณา การปล่อยสินเชื่อปลูกสร้างบ้าน ของธนาคารผ่อนปรนลงหรือเข้มงวดน้อยลงกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนที่เงินออมไม่พอ สามารถมีที่อยู่อาศัยหรือบ้านหลังใหม่ได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังช่วยส่งเสริมและกระตุ้นตลาดบ้านสร้างเองให้สามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง

        อย่างไรก็ดี หากทางธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ เล็งเห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่สร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง ซึ่งกลุ่มนี้จะมีที่ดินเปล่าอยู่ก่อนแล้ว อาจได้รับมรดกมาจากบุพการี หรืออาจซื้อที่ดินเปล่าเก็บไว้ ด้วยการผ่อนชำระกับธนาคารมาระยะหนึ่ง ฉะนั้นโดยพฤติกรรมจึงมีความเจ้าของทรัพย์สูง มีความหวงแหน และจัดเป็นกลุ่มผู้มีวินัยทางการเงิน ทั้งนี้เมื่อนำที่ดินและบ้านที่จะปลูกสร้าง มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้กับธนาคาร โอกาสที่จะกลายเป็นหนี้เสียจึงน้อยมากตามเหตุผลข้างต้น จึงขอเสนอแนะว่าธนาคารควรพิจารณาปรับเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อบ้านสร้างเองกลุ่มนี้ ให้แตกต่างกับสินเชื่อซื้อบ้านพร้อมที่ดิน

        ที่ผ่านมา ธนาคารกำหนดเกณฑ์ความสามารถในการผ่อนชำระหรือรายได้ต้องมากกว่า 3 เท่าของเงินผ่อนชำระต่อเดือน (เกณฑ์เดียวกับสินเชื่อซื้อบ้านพร้อมที่ดิน) ทั้งนี้ หากธนาคารปรับลดลงมาเหลือ 2.5 หรือ 2 เท่าได้ สมาคมฯ เชื่อว่าสินเชื่อบ้านสร้างเองจะขยายตัวได้อีกมาก ถือเป็นการส่งเสริมตลาดบ้านสร้างเองและผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ที่ส่วนใหญ่เป็น SMEs อีกด้วย เพียงแต่ธนาคารต้องระมัดระวังและแนะนำให้ผู้บริโภค เลือกว่าจ้างผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่เชื่อถือได้ หรือลงทะเบียนไว้กับธนาคารและ 2 สมาคมรับสร้างบ้าน ฯลฯ เป็นต้น

        สำหรับ ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศในช่วง 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค. 2559) พบว่า ความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่และกำลังซื้อในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคใต้ กรุงเทพฯ และปริมณฑลปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ภาคกลางและภาคอีสานกำลังซื้อยังทรงตัว เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ อยู่ระหว่างหารือกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ 2 แห่ง เพื่อร่วมมือกันผลักดันและสนับสนุนสินเชื่อบ้านสร้างเองให้แก่ กลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และพนักงานองค์กรที่มีสวัสดิการกับธนาคาร หากใช้บริการปลูกสร้างบ้านกับสมาชิกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน จะได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำจากธนาคาร และยังได้รับโปรโมชั่น ฟรี ค่าจดจำนอง ค่าประเมิน ค่าตรวจงวดงาน ฯลฯ นอกจากนี้ ธนาคารยังปรับการชำระเงินค่างวดก่อสร้างให้ตรงตามสัญญา โดยผู้ขอกู้ไม่ต้องเตรียมเงินไว้สำรองจ่ายค่างวดอีกด้วย สมาคมฯ เชื่อว่าแคมเปญดังกล่าวจะช่วยฉุดตลาดรับสร้างบ้านปีนี้ขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท


 
ที่มา : DDproperty.com
( วันที่ 7 กันยายน 2559 )