ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
Line
19 ก.ย.2559

ตลาดรับสร้างบ้าน ตจว.แข่งเดือด “พีดีเฮ้าส์” หนีสงครามราคา ดึงแบงก์ใหญ่อัดโปรโมชั่นสู้

Line
        พีดีเฮ้าส์ เผยตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดแข่งเดือด รับเหมาเปิดสงครามราคาแย่งลูกค้า สุดท้ายไปไม่รอด ผู้บริโภคไม่ได้บ้าน ร้านวัสดุไม่ได้เงิน ด้านพีดีเฮ้าส์ หนีสงครามราคา หันสร้างแบรนด์พร้อมชูกลยุทธ์สร้างความแตกต่าง พร้อมดึง 2 แบงก์ใหญ่ ไทยพาณิชย์ ธอส. อัดโปรโมชั่นแรง หวังรุกตลาดสินเชื่อปลูกสร้างบ้านทั่วประเทศ คาด 4 เดือนหนุนยอดขาย 250-300 ล้านบาท
       
        นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของและผู้บริหาร สิทธิ์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ตลาดรับสร้างบ้านแข่งขันกันรุนแรงพอสมควร โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคไม่คึกคักอย่างที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่มีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาแข่งขันในตลาดบ้านสร้างเองมากขึ้น ทั้งในเขตภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน แต่ส่วนใหญ่เป็นรายย่อย และเน้นใช้กลยุทธ์ราคาต่ำ ส่งผลให้รายเดิมๆ ต้องปรับตัว และลดราคาลงมาเพื่อชิงกำลังซื้อคืน กลายเป็นสงครามราคาในหลายๆ จังหวัด ซึ่งน่าเป็นกังวลกับผลกระทบที่จะตามมา หากผู้ประกอบการขาดความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
       
        “เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทรับสร้างบ้านรายหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ที่ใช้วิธีตัดราคาคู่แข่งมาอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการยอดขายบ้านจำนวนมากๆ และมีเงินหมุนเวียนไว้ก่อน แต่เมื่อกำลังซื้อ และเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการก็ลดลงตาม กอปรกับไม่สามารถรักษาคุณภาพบ้านที่ส่งมอบลูกค้าไว้ได้ กระทั่งประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และผลประกอบการขาดทุน สุดท้ายจึงไปไม่รอด และเกิดความเสียหายขึ้นตามมา ทั้งในส่วนของผู้บริโภคที่สร้างบ้านแล้วไม่ได้บ้าน ผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างไม่ได้รับเงินค่าสินค้า ผู้รับเหมาช่วง และแรงงานโดนเบี้ยวเงินค่าจ้าง ฯลฯ ซึ่งนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกันวุ่นวายในปัจจุบัน” นายพิศาล กล่าว 
 
        ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเป็นช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น หรือขาลง บริษัทฯ พยายามเลี่ยงทำสงครามราคากับคู่แข่งทั้งรายย่อย และรายใหญ่ มาโดยตลอด ดังนั้น จึงเลือกที่จะแข่งขันอย่างมีกลยุทธ์ และสร้างมูลค่าเพิ่มแทน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการให้แตกต่าง การเลือกใช้เทคโนโลยีก่อสร้างที่ทันสมัย การสร้างแบรนด์ และตราสินค้า เพื่อผู้บริโภคเชื่อมั่น และรับรู้ในวงกว้าง รวมทั้งการสร้างเครือข่ายธุรกิจให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง อาทิ การนำเสนอบ้านโครงสร้างเหล็กระบบ Wall Frame เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค การใช้สื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดียอย่างจริงจังเป็นรายแรกๆ การพัฒนาระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้านภายใต้แบรนด์พีดีเฮ้าส์ จนสามารถขยายสาขาได้ทั่วประเทศ ฯลฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนจะขยายตลาดสู่ประเทศกลุ่มอาเซียนใน 5 ปีข้างหน้าอีกด้วย
       
        สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนการขยายสาขาแห่งใหม่ 1-2 แห่ง แต่จากการประเมินแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจ และตลาดบ้านสร้างเองตลอดช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา พบว่าจังหวัดเป้าหมายที่จะเปิดสาขา เช่น จังหวัดเพชรบูรณ์ สิงห์บุรี จันทบุรี ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่จังหวัดหัวเมืองหลักๆ กำลังซื้อผู้บริโภค และความต้องการสร้างบ้านยังไม่คึกคักมากพอ แม้ว่าจะมีผู้ลงทุนยื่นขอสิทธิแฟรนไชส์รับสร้างบ้านติดต่อเข้ามาหลายราย เพื่อจะเปิดสาขาใหม่ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาร่วมกันแล้วว่า สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอน บริษัทฯ จึงปรับแผน หรือชะลอการเปิดสาขาไว้ก่อน เนื่องจากไม่ต้องการเผชิญความเสี่ยงในการลงทุนมากนัก อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคที่สนใจสร้างบ้านในจังหวัดที่กล่าวมา สามารถใช้บริการกับพีดีเฮ้าส์ สาขาจังหวัดใกล้เคียงที่เปิดดำเนินการอยู่ก่อนแล้วได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มใดๆ ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก สุพรรณบุรี และระยอง
       
        นายพิศาล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลยุทธ์การตลาดในช่วงท้ายไตรมาส 3 นี้ บริษัทฯ ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดโปรโมชั่น ฟรีค่าจดจำนอง ฟรีค่าประเมินหลักทรัพย์ ฟรีค่าตรวจงวดงาน พร้อมอัตราดอกเบี้ยต่ำ ให้แก่ลูกค้าสวัสดิการองค์กรขนาดใหญ่ที่มีข้อตกลงกับธนาคารฯ กว่า 30 แห่ง อาทิ ปตท., เอสซีจี, ซีพีกรุ๊ป, โตโยต้า, เบทาโกร, ไทยน้ำทิพย์ ฯลฯ อีกทั้งยังได้รับโปรโมชั่น “บินดี อยู่ดี” มูลค่ารวม 1 แสนบาท-2 ล้านบาท ของบริษัทฯ อีกด้วย (ตามราคาบ้าน)
       
        นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังร่วมสนับสนุนโครงการ “บ้าน ธอส. เพื่อข้าราชการ” ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ เช่น พนักงานการไฟฟ้าภูมิภาค ข้าราชการแพทย์ ครู ฯลฯ ที่ใช้บริการสร้างบ้านกับศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ ทุกสาขาทั่วประเทศจะได้รับสิทธินี้ด้วยเช่นกัน รวมถึงได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3.25% นาน 4 ปี จากธนาคารฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ยอดขายบ้านเฉพาะกลุ่มสินเชื่อตามโปรโมชั่นนี้ไว้ประมาณ 250-300 ล้านบาท ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายนี้
 
ที่มา : MGR Online
(วันที่ 16 กันยายน 2559 )