“บ้าน คือ ความสุข เป็นสถานที่ที่ทุกคนมาใช้เวลาอยู่ร่วมกัน เมื่อก่อนผมกับครอบครัวจะใช้ชีวิตพักผ่อนตามห้างสรรพสินค้า อยากจะพาลูกๆ ไปเที่ยวแทบทุกอาทิตย์ แต่มาวันนี้เรามีบ้าน เราไม่ได้ไปที่ไหนเลย ครอบครัวมาอยู่ตรงนี้ใช้ชีวิตกับบ้าน และทุกคนก็มีความสุขที่ได้มาอยู่ร่วมกัน ผมมองว่าบ้านเป็นรากฐานของชีวิต เป็นจุดเริ่มต้นหลายๆ อย่าง”

        คำพูดที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนถึงความภาคภูมิใจของเจ้าของบ้าน  คุณชุมพล และเนตรนภา สิญจนาคม ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท Zentrum จำกัด ที่วันนี้ทีมงาน “บ้านสุขใจ”ได้พามาแวะเวียนเยี่ยมบ้านสวยที่เกิดจากความตั้งใจของครอบครัวนี้ และพูดคุยถึงที่มาที่ไปก่อนจะมาเป็นสวยหลังใหญ่หลังนี้กัน

          หลังจากที่ได้พบปะทักทายและพูดคุยกัน คุณชุมพลก็เริ่มบอกเล่าถึงที่มาบ้านหลังนี้ว่า   เดิมพื้นที่ที่จะปลูกบ้านนี้เป็นบ้านเช่าชั้นเดียวแล้วทำเป็นออฟฟิศเล็ก ๆ  ขนาด 180 ตร.ว. อยู่บนถนนลาดพร้าว โชคชัย 4  ซึ่งเปิดบริษัท  Zentrum  รับจัดงานอีเว้นท์และออแกไนซ์ต่าง ๆ  ซึ่งในช่วงแรกที่มีผู้ร่วมงานเพียง 7 คน และหลังจากที่บริษัทมีการเติบโตที่ดีขึ้น มีจำนวนพนักงาน เพิ่มมาเป็น 40 ชีวิต ทำให้ต้องมองหาออฟฟิศใหม่ที่อยู่ไม่ไกลจากที่เดิมนัก จนมาซื้อบ้านเดี่ยวขนาด 2 ชั้น 2 หลังที่หมู่บ้านพีรสินธุ์ แล้วย้ายที่ทำงานไปที่นั่น ส่วนออฟฟิศเดิมก็เป็นที่พักอาศัยแทน

 

  

          ต่อมาเจ้าของบ้านเช่าเดิมในโชคชัย 4  ต้องการขาย จึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังดังกล่าวและตั้งใจที่จะให้คุณแม่เข้ามาอยู่อาศัย เพื่อที่จะได้ดูแลได้อย่างทั่วถึง  จากนั้น คุณชุมพล ก็มีความตั้งใจที่จะเพิ่มขนาดและพื้นที่ของตัวบ้านเพื่อรองรับกับจำนวนสมาชิกและกิจกรรมของลูกๆ ทั้ง 2 คน จึงมองหาที่ดินที่อยู่ติดกันและได้ซื้อมาเพิ่มอีก 70 ตารางวา รวมเป็น 250 ตารางวา จึงตัดสินใจปลูกบ้านหลังนี้ขึ้นมา และคิดว่าจะสร้างหลังที่สองในพื้นที่ที่เหลือให้กับคุณแม่อีกในอนาคต

        “เดิมที่นี่ใช้เป็นออฟฟิศ เช่าอยู่ประมาณ 6 ปีก่อนจะซื้อ เราเข้าอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2540 ในช่วงวิกฤตและเป็นช่วงที่เราเปิดบริษัทพอดี เราทำธุรกิจด้านออแกไนซ์ตั้งแต่เริ่ม และช่วงที่เกิดวิกฤตฟองสบู่แตก    ผมกลับมองเห็นเป็นโอกาส เพราะยังไงการตลาดมันก็ต้องควบคู่กันไป ยิ่งสินค้าขายไม่ดี การทำโปรโมชั่นต่างๆ ก็ยิ่งต้องมากขึ้น จังหวะนั้นเราไปทำการตลาดให้กับลูกค้าลงตามโมเดิร์นเทรด    ประเภทชมชิมสินค้า อย่างโลตัส บิ๊กซี เป็นต้น ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็น Consumer อย่าง ยูนิลีเวอร์ P&G จอร์นสัน แอนด์ จอร์นสัน ตอนนี้ก็ 16 ปีแล้ว และถือว่าเราเป็นรายแรกที่เข้าไปทำการตลาดทางด้าน Promotion เพราะส่วนใหญ่จะจัดงาน Event งานสัมมนา”

          “คุณชุมพล” บอกว่า ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพอย่างพีดีเฮ้าส์  เขาให้ผู้ช่วยเป็นคนไปติดต่อ พูดคุยเจรจาถึงวิธีการทำงานของบริษัทรับสร้างบ้านอยู่หลายบริษัท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้ว พีดีเฮ้าส์มีคะแนนสูงสุด แต่ราคาก็ไม่ได้ถูกกว่านะ  แต่มันเป็นเรื่องของความสมเหตุสมผลมากกว่า 

        “ตอนนี้ผมกับครอบครัวอยู่มาครบ 1 ปีแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เริ่มเข้าอยู่ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ โดยตามกำหนดการบ้านต้องเสร็จช่วงต้นปี แต่ติดปัญหาเรื่องน้ำท่วม โชคดีที่โครงสร้างตัวบ้านเสร็จหมด ขาดเพียงวัสดุฝ้าที่ติดปัญหาเรื่องน้ำท่วมส่งไม่ได้ และโชคดีที่บ้านผมน้ำไม่ท่วม”

        ในส่วนของตัวบ้านหลังนี้ มีการปรับเปลี่ยนจากแบบบ้านมาตรฐานเล็กน้อย เช่น หลังคาถ้าเป็นตามแบบสำเร็จของพีดีเฮ้าส์เสนอจะเป็นทรงสูง จั่วแหลม แต่ครอบครัวอยากให้มันออกแนวกว้างมากกว่า จึงปรับให้มันแบนลงมาแล้วก็ทำแบบกว้าง เพราะจั่วสูงทำให้บ้านชะลูดมากเกินไป จึงปรับแบบให้หลังคามันแบนลงมา

        “เหตุผลที่ชอบแบบบ้านหลังนี้เพราะมันเหมาะสมกับผืนที่ดิน กอปรกับเราต้องการขยายห้องนอน เนื่องจากจะให้ลูกสาวคนโตอายุ 13 ปี และลูกชายคนเล็กอายุ 8 ปี พร้อมทั้งคุณแม่มาอยู่ด้วยกัน จาก 4 ห้องนอน ตอนนี้มี 5 ห้องนอน ข้างบน 4 ห้องนอน และห้องคุณแม่ชั้นล่าง 1 ห้องนอน จากนั้นก็มีน้องสาวมาอยู่หลังแต่งงาน และมีน้ามาอยู่ด้วย กลายเป็นครอบครัวใหญ่ จริงๆ ส่วนผมกับแฟนยังอยู่ที่สาทร ตอนนี้มานอนกันวันสุดสัปดาห์ ซึ่งเรามีบ้านที่สาทรอีกหลังหนึ่ง เป็นบ้านเก่าที่คุณแม่ผมพักอยู่ประจำ วันนี้ไม่มีใครอยู่กับท่าน วันธรรมดาเราก็อยู่บ้านที่สาทร และเสาร์-อาทิตย์เราก็มานอนนี่ ที่ออฟฟิศก็เป็นออฟฟิศอย่างเดียว ซื้อมา 8 ปีแล้ว ตอนนี้เรายังตกแต่งยังไม่เรียบร้อย และกำลังสนุกอยู่กับการแต่งบ้าน เพราะสวนเราก็ทำไปเรื่อยๆ”

          คุณเนตรนภา ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของบ้านกล่าวเสริมอีกว่า หลังจากสร้างบ้านเสร็จแล้วก็มาอยู่และมีความสุขดี และรู้สึกภูมิใจเล็กๆ ว่าเวลามีใครเข้ามาบ้านหลังนี้ แล้วมักจะบอกว่าบ้านเย็นสบาย ร่มรื่น โปร่งสบายน่าอยู่ โดยตัวบ้านจะมีความพิเศษตรงที่มีประตูค่อนข้างเยอะ   เนื่องจากต้องการเชื่อมกับบ้านเก่าที่เช่าก่อนหน้านี้ และตัวเธอเองก็ตั้งใจที่จะให้ประตูทะลุถึงกัน เวลาลูกๆ ไปหาคุณน้าก็จะสามารถวิ่งผ่านประตูได้เลย  บ้านหลังนี้จึงมีประตูเข้าออกทั้ง 2 ด้าน 

        สำหรับมุมโปรดของครอบครัว “สิญจนาคม” จะอยู่บริเวณโซฟาญี่ปุ่นนั่งกับพื้นติดริมหน้าต่างหน้าบ้าน เพราะสามารถมองเห็นวิวสวนได้อย่างเต็มที่ คุณชุมพลและตัวดิฉันเองก็ชอบมานั่งมุมนี้ จิบกาแฟช่วงเช้า ดูสวนไปด้วย ถ้าอากาศดีก็จะออกมานั่งเล่นตรงโต๊ะสีขาวด้านนอกบริเวณสวนหย่อมที่ทำเอง ปรับดีไซน์เอง ตอนนี้เพิ่งเอาต้นไม้มาลงยังไม่โตเต็มที่ หากโตแล้วคงจะเต็มกว่านี้ ในส่วนของห้องน้ำด้านบนจะมี 1 ห้องและด้านล่างอีก 1 ห้อง พร้อมปรับเปลี่ยนลายกระเบื้องไม่ให้ดูเรียบจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีปรับเปลี่ยนสุขภัณฑ์บ้างเล็กน้อย ส่วนมุมโปรดของลูกสาวก็จะอยู่ตรงมุมเดียวกัน ซึ่งจะมีเปียโนตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน 

        “ตอนแรกที่เห็นเป็นหลัง ขึ้นเป็นโครง ทีละขั้นทีละตอน จนวันที่เริ่มตกแต่ง ช่วงที่เหนื่อยที่สุดจะเป็นช่วงที่ทำถนนรอบบ้าน เพราะตอนนั้นเรารื้อรั้วที่อยู่ระหว่างที่เดิมกับที่ใหม่ออก มีการขยับรั้ว เพื่อทำถนน การตกแต่งบ้านก็เรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร เพราะแค่ตัวบ้านก็ลงตัวอยู่แล้ว ก็ทำแต่เฉพาะตรงที่เราอยากได้ก่อน มีการออกแบบองค์ประกอบตัวบ้านให้สามารถใช้ได้ร่วมกัน เช่น ทีวีที่ดีไซน์ให้หมุนได้รอบด้าน ทุกคนสามารถใช้งานได้เหมือนกัน มุมที่บันไดก็จะทำเป็นชั้นวางหนังสือ เป็นต้น” 

        ก่อนจากคุณชุมพลได้ฝากแง่คิดดีๆ สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจสร้างบ้านว่า “ ถ้าคิดว่าอยากจะมีบ้านแล้วอย่ารอให้พร้อมก่อน ผมคิดว่าเมื่อเรามีโอกาสเราควรรีบทำ เพราะหากปล่อยไว้นาน อายุเราจะเพิ่มมากขึ้น วันนี้สิ่งที่ทำลงไปผมคิดว่าเราทำให้ทุกคนมีความสุขก่อน ทำทุกอย่างเท่าที่เราทำได้ และไม่ได้ทำเกินกำลัง แต่อยู่บนความพอดีที่เรามี ไม่ต้องรอให้ “เหลือ” แล้วค่อยทำ เพราะไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรเราพร้อมซะที”