26 ธ.ค.2559
"ของขวัญปีใหม่" แบงก์รัฐคืนกำไรลูกค้าฐานราก
เหมือนจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในทุก ๆ ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของแบงก์รัฐ ที่มอบของขวัญปีใหม่ ให้ลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่ม "รายย่อย" หรือ "ฐานราก" ซึ่งปีนี้ก็จัดโปรโมชั่นมาแล้ว
โดยธนาคารออมสิน ได้จัดแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มแรกเป็น "ลูกค้าบุคคล" จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) ฝาก-ถอนเงินผ่านตู้ ATM, การยื่นขอ "สินเชื่อเคหะ" ดอกเบี้ยพิเศษ
กลุ่ม "ลูกค้าฐานราก" จะได้คืนเงินสด 1-3% ของดอกเบี้ยรับ ซึ่งขึ้นกับจำนวนปีของประวัติการชำระหนี้ดีและลูกหนี้ชำระดีไม่น้อยกว่า 12 เดือนขึ้นไป จะมีโครงการ "สินเชื่อคืนความสุข" เปิดให้กู้รายละไม่เกิน 4 หมื่นบาท โดยไม่ต้องมีหลักประกัน ส่วนอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อ
เดือนและกลุ่ม "ธุรกิจรายย่อย" จะได้รับคืนดอกเบี้ย 1-3% สำหรับลูกค้าที่กู้ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ซึ่งจะต้องมีประวัติชำระดี 1-3 ปี โดยธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ลูกค้าในช่วงวันที่ 15-31 ม.ค. 2560
นอกจากนี้ ธนาคารออมสิน ยังมีโครงการ "ลดดอกเบี้ย" ให้ประชาชนตามมติ ครม.ที่ผ่านมา โดยลูกหนี้ที่มีวงเงินกู้หรือหนี้ค้างชำระไม่เกินรายละ 300,000 บาท จะได้คืนดอกเบี้ยตามเงื่อนไข คือ 1) ถ้าชำระหนี้ดี 12 เดือน (ช่วง ธ.ค. 2559 ถึง พ.ย. 2560) คืนดอกเบี้ย 30% ของดอกเบี้ยที่ชำระในรอบ 12 เดือน โดยโอนเงินเข้าบัญชีให้กับลูกค้าหรือนำไปหักเงินต้นคงเหลือ และ 2) กรณี
ผู้ที่มีหนี้ค้างชำระและลูกค้าที่ตัดหนี้สูญแล้ว จะปรับโครงสร้างหนี้เฉพาะส่วนของต้นเงินกู้ให้ และพักดอกเบี้ยผิดนัดและดอกเบี้ยปกติในช่วงเวลาที่ผิดนัด และหากลูกค้าสามารถผ่อนชำระได้ติดต่อกัน 12 เดือน ธนาคารจะยกดอกเบี้ยผิดนัดที่พักไว้และคืนดอกเบี้ยที่ชำระในรอบ
12 เดือน จำนวน 30% เพื่อไปลดจำนวนดอกเบี้ยปกติที่พักไว้ ทั้งนี้ โครงการลดดอกเบี้ยนี้จะมีผู้ได้ประโยชน์ 4 แสนราย โดยใช้งบประมาณกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งออมสินจะบันทึกส่วนนี้เป็นธุรกรรมตามนโยบายรัฐ (PSA)
ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะจ่ายเงิน 1,000 บาท ให้แก่ลูกค้าที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท (ทุกบัญชีที่ใช้หลักประกันเดียวกัน) หากมีประวัติการชำระดีย้อนหลัง 48 เดือน รวมทั้งต้องชำระเงินงวดของเดือน ธ.ค. 2559 ในระหว่าง 1-31 ธ.ค. 2559 โดยไม่มีค่าธรรมเนียมค้างชำระ ซึ่งสามารถติดต่อ ธอส.ทุกสาขา ขอรับเงินของขวัญปีใหม่นี้ เพียงนำใบเสร็จรับเงินที่ชำระเงินงวดรอบเดือน ธ.ค. 2559 พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนไปยื่น ตั้งแต่ 22 ธ.ค.นี้ ถึง 31 ม.ค. 2560
"ลูกค้าที่จะได้ประโยชน์มีราว 178,000 รายซึ่ง ธอส.จะใช้งบประมาณ 178 ล้านบาท สำหรับโครงการนี้" นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส.กล่าว
ฟาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีโครงการ "ชำระดีมีคืน" แก่เกษตรกรที่ไม่มีปัญหาการชำระหนี้ ซึ่ง ครม.ได้เห็นชอบแล้ว โดยผู้ที่ชำระหนี้ดีและมีหนี้ไม่เกินรายละ 300,000 บาท(ณ วันที่ 15 ก.ย. 2559) จะได้คืนดอกเบี้ยกู้เมื่อมาชำระหนี้ระหว่าง 1 พ.ย. 2559 ถึง 31 ต.ค. 2560 ในอัตรา 30% ของจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระ ซึ่งแบ่งเป็น 3 งวด ตามการเข้ามาชำระหนี้ โดยงวดแรก เป็นการชำระหนี้ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2559 จะคืนดอกเบี้ยในเดือน ม.ค. 2560 งวดที่ 2 ชำระหนี้ช่วง ม.ค.-มี.ค. 2560 จะคืนเดือน เม.ย. 2560 และชำระหนี้ช่วง เม.ย.-ต.ค. 2560จะคืนดอกเบี้ยในเดือน ต.ค. 2560 ทั้งนี้ โครงการนี้จะบันทึก PSA
"ดอกเบี้ย 30% ที่คืนให้ ธนาคารจะนำไปลดภาระต้นเงินกู้ที่เหลืออยู่ให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยในอนาคต แต่หากลูกค้าไม่มีหนี้เงินกู้คงเหลือแล้ว ธนาคารจะคืนเป็นเงินสด โดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งเราคาดการณ์ว่ามีสิทธิทั้งหมด 2.2 ล้านราย คิดเป็นดอกเบี้ยที่คืนให้กับเกษตรกรทั้งหมด 5,700 ล้านบาท" นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าว
นาทีทองของลูกค้าแบงก์รัฐ อย่าลืมตรวจสอบสิทธิที่ได้รับแล้วไปรับกำไรคืนกันด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
(วันที่ 26 ธันวาคม 2559)