ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวประชาสัมพันธ์
Line
06 ส.ค.2555

พีดีเฮ้าส์ ปรับทัพรับเออีซี ชู 5 ขุนพลคุม 5 สายงานหลัก พร้อมรับ-รุกตลาดรับสร้างบ้านอาเซียน

Line

3 ปีก่อน พีดีเฮ้าส์ ประกาศเปิดตัวแฟรนไชส์รับสร้างบ้านเป็นรายแรกในประเทศไทย หลายๆ คนในแวดวงธุรกิจอสังหาฯ และรับสร้างบ้านต่างตั้งข้อสงสัยและคิดว่า “เป็นไปไม่ได้” ในขณะที่ใครๆ ไม่เชื่อว่าจะปลุกปั้นแฟรนไชส์ให้เป็นจริงได้ แต่ในมุมมองของ 5 ขุนพลพีดีเฮ้าส์ สิทธิพร พิศาล มาลี สมศักดิ์ และสุพร กลับแอบซ่อนยิ้มและคิดต่าง พร้อมๆ กับมองไปบนเส้นทางข้างหน้าอันยาวไกล โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยเปิดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 ผู้บริหารของ พีดีเฮ้าส์ มองว่าเออีซีเป็นทั้งโอกาสและภัยคุกคาม จึงต้องเร่งปรับตัวเองในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
 
 

มาถึงวันนี้ขุนพลทั้ง 5 เห็นตรงกันว่าในฐานะผู้ประกอบการ SMEs เชื่อมั่นใจว่า “เดินมาถูกทาง” และได้สร้างภูมิคุ้มกัน “ภัยคุมคาม” ธุรกิจเอาไว้ในระดับหนึ่งแล้ว เพราะสามารถพัฒนาเครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ จนเข้มแข็งและขยายการเติบโตออกไปทั่วประเทศ จากนี้ไปจะเริ่มขยับเพื่อก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเริ่มศึกษาและมองหาลู่ทางบุกตลาดรับสร้างบ้านอาเซียน ถือได้ว่า พีดีเฮ้าส์ เป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวน่าสนใจ และลองมาฟังแนวคิดของผู้บริหาร พีดีเฮ้าส์ กันว่าการปรับทัพรับเออีซีนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร     

นายสิทธิพร สุวรรณสุต ซีอีโอ บอกว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการปรับตัวเองอย่างต่อเนื่อง ประการหนึ่งเพื่อขยายโอกาสและตลาดรับสร้างบ้านภายในประเทศ ประการที่สอง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปิดเสรีทางการค้าในปี 2558 ที่จะถึงนี้ ภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี (Asian Economic Community: AEC) ในอดีตเราดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านในนาม ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป เท่านั้น แต่ล่าสุดมีการแตกกิจการออกเป็น 11 บริษัท แบ่งได้เป็น 3 ธุรกิจหลักคือ 1.ธุรกิจรับสร้างบ้าน 2.ธุรกิจบริหารสิทธิ์แฟรนไชส์ และ 3.ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง

นอกจากธุรกิจในเครือทั้ง 11 บริษัทแล้ว ในปัจจุบันยังมีบริษัทที่เป็นแฟรนไชส์พีดีเฮ้าส์ โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2555 นี้จะจัดตั้งครบ 20 บริษัทและกลายเป็นสูตร 11 บริษัท + 20 แฟรนไชส์ หรือเท่ากับ 31 บริษัท รวมกันเป็นเครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งถือว่ามีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการจัดวางโครงสร้างองค์กรและการบริหารที่ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบของกลุ่มธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต และเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน จากที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นเหตุผลและที่มาของการปรับทัพครั้งนี้    

จากการแบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจ โดยมี 11 บริษัท + 20 แฟรนไชส์ในเครือข่ายเป็นกลไกขับเคลื่อนธุรกิจ ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดผู้ดูแลรับผิดชอบการบริหารงาน โดยแยกเป็น 5 สายงานหลักๆ ประกอบด้วย สายงานธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise Business) สายงานมาตรฐานแฟรนไชส์ (Franchise Standard Controller) สายงานทรัพยากรและบุคคล (Human & Resource) สายงานออกแบบและวิศวกรรม (Engineer & Design) และ สายงานการตลาด (Marketing)

การปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้ พีดีเฮ้าส์ ได้วางตัวขุนพลที่มากด้วยประสบการณ์ 5 ท่านได้แก่ คุณสุพร สุวรรณสุต คุณสมศักดิ์ สุขวารี คุณมาลี สุวรรณสุต คุณพิศาล ธรรมวิเศษ และ คุณสิทธิพร สุวรรณสุต นั่งแท่นผู้บริหารสูงสุดของแต่ละสายงาน ทั้งนี้เพื่อจะรับหน้าที่ขับเคลื่อนฝ่ายงานต่างๆ ของกลุ่มบริษัทในเครือข่ายไปสู่เป้าหมายที่วางไว้คือ การขยายตลาดรับสร้างบ้านให้เติบโตทั่วประเทศ พร้อมๆ กับการขยายศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ให้ครบ 50 สาขาภายในปี 2556 รวมถึงพร้อมบุกตลาดรับสร้างบ้านอาเซียน เมื่อประเทศไทยเปิดสู่เออีซี    

“พีดีเฮ้าส์ นับเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ในแวดวงธุรกิจรับสร้างบ้านที่ตื่นตัว และเห็นถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อม ก่อนประเทศไทยเปิดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2558 ที่ผ่านมามีการพัฒนาและปรับตัวอย่างโดดเด่น อย่างเช่น การนำระบบแฟรนไชส์มาต่อยอดธุรกิจ และใช้เป็นกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตเป็นรายแรกของประเทศไทย นับว่าเป็นแนวคิดการปรับตัวที่ทันสมัยและแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ทำให้ พีดีเฮ้าส์ สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีมาตรฐานและมีสาขามากที่สุดในปัจจุบัน”

นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชี้ให้เห็นว่าการปรับตัวของผู้ประกอบการนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การพูดคุยหรือจัดเวทีสัมมนากันเท่านั้น หากแต่ผู้ประกอบการจะต้องมีการขับเคลื่อนจากแผนงานไปสู่การปฏิบัติจริงแล้ว โดยเฉพาะบริษัทรับสร้างบ้านรายกลางและรายเล็ก เพราะหากยังไม่มีทิศทางการปรับตัวเองที่ชัดเจน เมื่อเปิดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีเต็มรูปแบบ จะเสียเปรียบรายใหญ่และรายที่เข้มแข็งกว่า เพราะบนเวทีการแข่งขันใหม่ภายใต้กรอบเออีซี กติกาจะเอื้อเฉพาะรายใหญ่หรือรายที่เข้มแข็งกว่าเท่านั้น บริษัทรับสร้างบ้านรายกลางรายเล็ก จึงควรเร่งปรับตัวในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ 2 ปี 6 เดือนโดยเร็ว

“ปัจจุบัน พีดีเฮ้าส์ สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 50 จังหวัด นับเป็นการปรับตัวด้วยกลยุทธ์สร้างฐานลูกค้าและตลาดรับสร้างบ้านภายในประเทศก่อน เมื่อฐานลูกค้าและตลาดในประเทศเข้มแข็ง การจะขยายสู่ตลาดรับสร้างบ้านอาเซียนก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

ที่ผ่านมามั่นใจ ว่าก้าวอย่างมีทิศทางและเดินมาถูกทางแล้ว โดยเฉพาะการเลือกนำระบบแฟรนไชส์มาใช้ต่อยอดธุรกิจและขยายสาขาออกไปทั่วประเทศ แม้ว่าในช่วงแรกๆ หลายฝ่ายอาจจะสงสัยและไม่เชื่อว่าเป็นไปได้จริง ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่ดีเพราะไม่มีแรงกดดันใดๆ จากคู่แข่งขันและกว่าจะมีรายใดคิดทำตาม เราก็คงพัฒนาและก้าวไปได้ไกลมากแล้ว โดยเฉพาะ ณ เวลานี้ เมื่อเราฉายภาพให้เห็นถึงความพร้อมและการปรับตัวรับและรุกเออีซี ในขณะที่ผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีการปรับตัวใดๆ

จากนี้ไป ใครจะ “เชื่อ” หรือ “ไม่เชื่อ” ผู้บริหารพีดีเฮ้าส์ บอกว่า No Comment