ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ข่าวประชาสัมพันธ์
Line
06 ส.ค.2555

พีดีเฮ้าส์ ปั้นเจเนเรชั่น 2 พร้อมรับไม้ต่อ

Line

          ที่ผ่านมาภาพของธุรกิจรับสร้างบ้านและผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจนี้ สามารถกล่าวได้ว่าจำนวนผู้ประกอบการที่มีอยู่กว่า 100 รายเป็นธุรกิจขนาด SMEs นอกจากนี้ ยังกระจุกตัวและแข่งขันกันอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่แชร์ส่วนแบ่งตลาดหรือขนาดของตลาดรับสร้างบ้านจึงไม่เติบโต ทั้งๆ ที่ธุรกิจนี้มีมานานกว่า 50 ปีแล้ว เหตุเพราะถูกจำกัดด้วยขีดความสามารถของเพล์เยอร์ ด้วยเหตุผลที่กล่าวข้างต้น กระทั่งตลาดรับสร้างบ้านในกทม. และปริมณฑลกลายเป็นเรดโอเชี่ยน
          ในปัจจุบัน ภาพของธุรกิจรับสร้างบ้านเริ่มเปลี่ยนไป จากการที่ผู้ประกอบการรายหนึ่ง กล้าที่จะบุกเบิกตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัด ด้วยการขยายสาขาออกไปทั่วประเทศ พร้อมๆ กับมีการรวมตัวกันสร้างเครือข่ายธุรกิจรับสร้างบ้านให้เกิดขึ้น เพื่อยกระดับมาตรฐานและขีดความสามารถในการแข่งขัน ภายใต้แบรนด์พีดีเฮ้าส์ หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ซึ่งมื่อเร็วๆ นี้ก็ออกมาประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่ามีการปรับโครงสร้างองค์กร โดยประกาศวางตัว 5 ผู้บริหารมากประสบการณ์ รับผิดชอบดูแล 5 สายงานหลักครอบคลุม 31 บริษัทในเครือข่ายธุรกิจ
          เราเคยคิดไว้เล่นๆ ว่าอีกไม่ช้าตำนานธุรกิจรับสร้างบ้าน กำลังจะถูกบันทึกขึ้นใหม่ โดยผู้ประกอบการกลุ่มนี้และก็มีความเป็นไปได้สูง เมื่อทราบมาว่าพีดีเฮ้าส์กำลังเร่งสร้าง “ดรีมทีม” ไว้เป็นเจเนเรชั่นที่ 2 เพื่อจะรับไม้ต่อ หากว่าองค์กรมีการผลัดใบหรือแตกกิ่งก้านสาขาอีกในอนาคต อาจไม่ได้หมายถึงแค่การขยายสาขาออกไปทั่วประเทศ แต่เป็นไปได้ว่าจะขยายสาขาออกไปประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน
วันนี้เรานัดหมาย “พี่ป๋อง” สิทธิพร สุวรรณสุต ซีอีโอ บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด เพื่อพูดคุยกันถึงนโยบายการปั้นดรีมทีมเพื่อเป็น “เจเนเรชั่นที่ 2” ว่ามีแนวคิดและความเป็นมาอย่างไร

สร้างบุคลากรให้เป็นมืออาชีพได้อย่างไร
          “สิทธิพร” เปิดเผยว่า พีดีเฮ้าส์ ก้าวมาถึงจุดนี้ คงไม่ใช่เรื่องฟลุ๊คหรือเพราะโชคช่วย แต่ทั้งหมดเกิดจากการทุ่มเทของผู้บริหารและทีมงานทุกคนในองค์กร โดยเฉพาะการที่เรารู้จักการสร้างและคว้า “โอกาส” มาเป็นของเรา ความหมายก็คือ การรู้จักสร้างตลาดหรือเค๊กให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับมองหาตลาดใหม่ๆ จากนั้นก็เสนอตัวเองให้เป็นทางเลือกของผู้บริโภค พูดเช่นนี้อาจดูไม่ยากแต่ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเราเป็นแค่ผู้ประกอบการ SMEs รายหนึ่งเท่านั้น ไม่มีเงินทุนมากมาย ไม่ได้เป็นเจ้าตลาด และต้องอดทนรอเวลาที่จะมาถึง แต่ด้วยเรามีทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์และมีความตั้งใจ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรอันมีค่าที่สุดขององค์กร 
          ที่สำคัญองค์กรไม่เพียงแค่สร้าง “ดรีมทีม” ชุดนี้ขึ้นมาเท่านั้น แต่เขาเหล่านี้ยังเป็นแกนหลักในการสร้างบุคลากรใหม่ๆ เข้ามาสู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน ภายใต้ระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ด้วยการทำหน้าที่เป็นเทรนเนอร์หรือผู้ฝึกสอนและถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่พนักงานมาใหม่ทุกตำแหน่ง ที่จะเข้ามาปฏิบัติงานในศูนย์รับสร้างบ้านทุกสาขา ปัจจุบันได้ถูกวางเกณฑ์ให้บุคลากรทุกคน ต้องผ่านการฝึกอบรมขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 80 ชั่วโมงและผ่านการทอสอบก่อน จึงจะสามารถปฏิบัติงานได้ และนี่คือ มาตรฐานบุคลากรที่ถูกกำหนดไว้

ภายใต้ 5 สายงานหลัก แบ่งการจัดการอย่างไร
          เริ่มจาก สายงานธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise Business) แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายหลักๆ ได้แก่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ และฝ่ายสนับสนุนธุรกิจแฟรนไชส์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะดูแลรับผิดชอบว่าด้วยเรื่อง การคัดเลือกนักลงทุนที่สนใจเข้าร่วมเป็นเครือข่ายธุรกิจรับสร้างบ้าน ภายใต้เงื่อนไขต้องมีความพร้อมด้านเงินลงทุน มีทัศนคติที่ถูกต้องกับธุรกิจรับสร้างบ้าน มีใจรักงานบริการ ฯลฯ รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากรทุกตำแหน่งทั้งก่อนเริ่มต้นปฏิบัติงาน และเมื่อทำงานไปแล้วก็จะมีโปรแกรมฝึกอบรมประจำปี เพื่อทบทวนมาตรฐานและวิธีการปฏิบัติงานใหม่ๆ ทั้งหมดก็เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากร ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้มาใช้บริการสร้างบ้าน โดยมี คุณนิรัญ โพธิ์ศรี และ คุณไวทย์ สุริยา 2 ผู้บริหารเป็นกำลังหลักที่สำคัญ
          สำหรับ สายงานมาตรฐานแฟรนไชส์ (Franchise Standard Controller) จะดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับมาตรฐานการปฏิบัติงานของพนักงานในทุกตำแหน่ง มาตรฐานการสร้างบ้าน และมาตรฐานสำนักงาน ซึ่งเป็นการรับไม้ต่อมาจากสายงานธุรกิจแฟรนไชส์ ในการกำกับดูแลให้เป็นไปมาตรฐานเดียวกัน พร้อมทั้งทำหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติงานและดำเนินงานของสาขา หากพิจารณาเห็นว่าต่ำกว่าเกณฑ์ก็จะสั่งการให้เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อทบทวนมาตรฐานทันที ภายใต้สายงานนี้ได้มอบหมายให้ คุณธนิตสรณ์ ฉัตรสอน คุณสอาด สุขวารี  ผู้จัดการภาค (Area Manager) ทั้ง 2 ท่านเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบการตรวจมาตรฐานสาขา 
          ถัดไปคือ สายงานออกแบบและวิศวกรรม (Design Center) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญสายงานหนึ่งของธุรกิจรับสร้างบ้าน เพราะรับผิดชอบงานที่เกี่ยวข้องกับสายวิชาชีพ โดยแบ่งการบริหารจัดการออกเป็น 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายสถาปัตยกรรม ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายวิเคราะห์และประเมินราคา ทั้ง 3 ฝ่ายจะทำหน้าที่ให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานสายวิชาชีพแทนทุกสาขา โดยมี คุณธีรพงศ์ เทพมาลัย ผู้จัดการฝ่ายสถาปัตยกรรม คุณชยพล สุพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรม คุณจันทร์ดาว วิชัยดิษฐ์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์และประเมินราคา ดูแลรับผิดชอบ 3 สายงานวิชาชีพหลักให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งถือเป็นระบบงานหลังบ้าน (Back Office) ที่สำคัญในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน
          สายงานทรัพยากรและธุรการ (Resource & Admin) โดยหลักๆ สายงานี้ถูกกำหนดให้ดูแลรับผิดชอบงานการเงิน งานธุรการ และงานบุคลากร ดังนั้นสายงานนี้จึงแบ่งเป็น ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้าง ฝ่ายบุคคลและธุรการ โดยมี คุณสุนันท์ ทองคำเจริญ คุณสายพิณ หล่อหลอม คุณเอื้องฟ้า เทียมเมฆา 3 ผู้บริหารหลักดูแลรับผิดชอบสายงานข้างต้น และทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน เพื่อจัดการระบบงานหลังบ้าน (Back Office) ที่สำคัญสายงานหนึ่ง เพราะนอกจากความรู้ความสามารถแล้ว ยังต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตในฐานะที่ดูแลรับผิดชอบว่าด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ
          สุดท้าย สายงานการตลาด (Marketing) สำหรับองค์กรอื่นๆ อาจจะมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ แต่ “สิทธิพร” เล่าให้เราฟังว่า ที่พีดีเฮ้าส์ไม่ได้มองว่าสำคัญมากมายนัก เพราะการตลาดของเราไม่ได้เกิดจากจินตนาการ แต่เกิดจากการนำสิ่งที่ปฏิบัติแล้วมาถ่ายทอดสู่ผู้บริโภค อาจเรียกว่า การตลาดเชิงประสบการณ์ (Experian Marketing) ก็ได้ โดยเฉพาะการบริหารภาพลักษณ์องค์กรให้สอดคล้องกับภาพของความเป็นจริง ฉะนั้นจะเน้นและให้ความสำคัญกับการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ข่าวสารขององค์กรมากกว่าการทุ่มโฆษณา สายงานนี้จึงมีแค่ 1 ฝ่าย + 2 แผนกได้แก่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ แผนกงานออนไลน์ แผนกงานกราฟฟิก โดยมี คุณฐิติชญา งามสม ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ เป็นผู้นำทีม   
    
          อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ท่านผู้อ่านคงเห็นด้วยกับเราว่า วันนี้ พีดีเฮ้าส์ ก้าวมายืนอยู่แถวหน้าของวงการธุรกิจรับสร้างบ้านได้นั้น เพราะความเป็นองค์กรที่มีหลักในการดำเนินธุรกิจ มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาองค์กรและบุคลากร มีการพัฒนากระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ เรียกได้ว่า ไม่ธรรมดา แม้ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ SMEs ก็ตาม และคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า  พีดีเฮ้าส์ แบรนด์รับสร้างบ้านคนไทยจะบุกอาเซียนได้เมื่อไร?